สดร. ชวนชมฝนดาวตกลีโอนิดส์ 17-18 พ.ย. นี้ ฟ้าโปร่งดูด้วยตาเปล่าได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย
สดร.
ชวนชมฝนดาวตกลีโอนิดส์ 17-18 พ.ย. นี้
ฟ้าโปร่งดูด้วยตาเปล่าได้ทุกพื้นที่ทั่วไทย แนะจุดชมให้อยู่ในที่มืด ไร้แสงไฟรบกวนจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
เชียงใหม่
16
พ.ย.-ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยว่า
ในเดือนพฤศจิกายนของทุก ๆ ปี ช่วงระหว่างวันที่ 17-18
พฤศจิกายน 2560 นี้จะเกิดปรากฏการณ์
"ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต สังเกตได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่
17 พ.ย. ต่อเนื่องไปถึงรุ่งเช้าของวันที่ 18
พ.ย. สำหรับในปีนี้ กลุ่มดาวสิงโตจะโผล่พ้นจากขอบฟ้าในเวลาประมาณ 01.00 น.
ของวันที่ 18 พ.ย.
ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสังเกตปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์มากที่สุด
คือเวลาประมาณ 02.00 น. เป็นต้นไปจนถึงรุ่งเช้า
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณใกล้กลุ่มดาวสิงโตซึ่งเป็นศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตก
และปีนี้เป็นที่น่าเสียดาย
ในประเทศไทยจะมีโอกาสมองเห็นฝนดาวตกดังกล่าวในจำนวนไม่มากนัก ประมาณ 10-15
ดวงต่อชั่วโมง แม้จะมีให้เห็นในปริมาณน้อย แต่ฝนดาวตกลีโอนิดส์ถือเป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างมากที่สุด
เนื่องจากมีการเคลื่อนที่ผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศในอัตราเร็วถึง 71
กิโลเมตรต่อวินาที
ผู้สนใจสามารถรอชมความสวยงามของปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์ได้ในคืนดังกล่าว
ดร.ศรัณย์
กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไป ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสังเกตฝนดาวตกคือตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป
เนื่องจากเวลาหัวค่ำจนถึงก่อนเที่ยงคืนเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งสวนทางการหมุนรอบตัวเองของโลก
เราจะเห็นดาวตกมีความเร็วสูง ทำให้สังเกตได้ยาก
แต่หลังเที่ยงคืนไปจนถึงเวลาใกล้รุ่งจะเป็นช่วงที่ดาวตกวิ่งตามทิศทางการหมุนของโลก
เราจึงเห็นดาวตกวิ่งในอัตราเร็วที่ช้ากว่าจนมีเวลาที่สามารถชี้ชวนกันดูได้
และมองเห็นความสวยงามของดาวตกได้ชัดเจนขึ้น โดยสถานที่ในการชมฝนดาวตก
ควรเป็นสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน จะสังเกตดาวตกมีความสว่างมาก
วิธีการชมฝนดาวตกให้สบายที่สุด ให้นอนรอชมเนื่องจากช่วงที่เกิดฝนดาวตกจุดศูนย์กลางจะอยู่เหนือท้องฟ้ากลางศีรษะพอดี
ส่วนการบันทึกภาพฝนดาวตกนั้น ไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าควรตั้งกล้องทางทิศไหน
เนื่องจากกระจายทั่วท้องฟ้า
ต้องอาศัยการเดาหรือเปิดหน้ากล้องเพื่อรอให้ดาวตกวิ่งผ่านหน้ากล้อง
สำหรับฝนดาวตกลีโอนิดส์
เกิดจากสายธารเศษฝุ่นของดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล (55P
Tempel-Tuttle) ที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงโคจรของดาวหางตัดผ่านวงโคจรของโลก
ทำให้เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านั้นเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก
เกิดการเผาไหม้จนเห็นเป็นแสงสว่างวาบคล้ายลูกไฟวิ่งพาดผ่านท้องฟ้า ทิศทางวงโคจรของฝนดาวตกลีโอนิดส์สวนทางกับทิศทางวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
ทำให้ความเร็วของเม็ดฝุ่นที่เข้ามาเสียดสีกับบรรยากาศโลกมีความเร็วค่อนข้างมาก
โดยมีความเร็วสูงถึง 71 กิโลเมตรต่อวินาที ฝนดาวตกลีโอนิดส์
เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างมากที่สุด จึงได้รับการขนานนามว่า “ราชาแห่งฝนดาวตก”
นอกจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ที่จะได้ชมกันในเดือนนี้แล้ว
ช่วงกลางเดือนธันวาคมยังมีฝนดาวตกเจมินิดส์หรือฝนดาวตกคนคู่
มาให้ได้ชมเป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ส่งท้ายปี 2560
อีกด้วย โดยสังเกตได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 14
ธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงเช้ามืดของวันที่ 15
ธันวาคม 2560
เครดิตภาพ
: สดร.
01 - ฝนดาวตกลีโอนิดส์
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เวลา 01.19 น. http://news.nationalgeographic.com/news/2012/11/121112-leonids-meteor-shower-shooting-stars-space-science/
02 - ภาพจำลองการเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์
บริเวณกลุ่มดาวสิงโต เช้ามืดวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น