บสย. เร่งกระตุ้น ยอดค้ำฯ PGS6 ปรับปรุงใหม่โค้งสุดท้าย 1.7 หมื่นล้าน เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดโครงการ 30 มิ.ย.นี้
บสย. เร่งกระตุ้น ยอดค้ำฯ PGS6 ปรับปรุงใหม่ โค้งสุดท้าย 17,000 ลบ. เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นสุดโครงการ 30 มิ.ย.นี้
28 พ.ค.-นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ยังมีวงเงินรองรับการค้ำประกันสินเชื่ออีก 17,000 ล้านบาท เหลือเวลาอีก 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้สินเชื่อต้นทุนต่ำ โดยมีเงื่อนไขสุดคุ้ม ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อและขอค้ำประกันสินเชื่อโดย บสย. ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะปิดโครงการในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สำหรับแผนกระตุ้นการค้ำประกันสินเชื่อในเดือนสุดท้าย ได้จัดทำแผนเชิงรุก 2 แนวทางคือ 1. เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับธนาคารพันธมิตร และผู้ประกอบการ SMEs ถึงระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการจัดรถแห่ในจังหวัดที่สาขา บสย. ดูแล 2. มอบหมายให้สำนักงานสาขา 11 แห่ง ทำงานร่วมกับธนาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเงินทุนให้ได้รับสินเชื่อทันเวลา โดยช่วยเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มาขอรับคำปรึกษา และให้คำแนะนำการเตรียมเอกสารการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่ร่วมโครงการ“เป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้สินเชื่อต้นทุนต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ เพื่อลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ขณะนี้มีวงเงินคงเหลือรองรับการค้ำประกันสินเชื่อ เพียง 17,000 ล้านบาท เป็นแพ็คเกจค้ำประกันสินเชื่อที่คุ้มค่าและช่วยให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากที่สุด”
ทั้งนี้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ เป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs โดยร่วมกับธนาคารพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อการดำเนินธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกประเภท ทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ วงเงินสินเชื่อตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน โดย บสย. ช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการสูงสุด 40 ล้านบาท ผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังยื่นขอสินเชื่อเพื่อต่อยอด ขยายธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียน สามารถเข้าถึงโครงการนี้ได้ โดยเข้าไปที่ธนาคารที่ร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
ขณะที่ นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผอ.ฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์กล่าวเสริมว่า บสย. อยากให้กลุ่มลูกค้าได้ใช้สิทธิ์ดังกล่าวก่อนจะสิ้นสุดโครงการ เพราะถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากในการได้รับสิทธิ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าก่อนจะสิ้นสุดโครงการเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถผลักดัน การค้ำประกันสินเชื่อให้ลูกค้าได้ครบตามเป้าหมาย โดยแจ้งความประสงค์ ขอเข้าโครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. หรือ สอบถาม บสย. Call Center 0-2890-9999 เพื่อขอรับคำแนะนำการขอสินเชื่อที่ร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. หรือที่ www.facebook.com/tcg.or.th ทั้งนี้ภาพรวมการให้การบริการกับลูกค้า พบว่า พื้นที่ภาคกลางยังอยู่ในระดับที่สูงตามปกติ รองลงมาเป็นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสัดส่วนที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 22 เพราะครอบคลุม 24 จังหวัด ภาคใต้ร้อยละ 14 และภาคเหนือร้อยละ 12.9 ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมา.
28 พ.ค.-นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ยังมีวงเงินรองรับการค้ำประกันสินเชื่ออีก 17,000 ล้านบาท เหลือเวลาอีก 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้สินเชื่อต้นทุนต่ำ โดยมีเงื่อนไขสุดคุ้ม ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 4 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อและขอค้ำประกันสินเชื่อโดย บสย. ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะปิดโครงการในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สำหรับแผนกระตุ้นการค้ำประกันสินเชื่อในเดือนสุดท้าย ได้จัดทำแผนเชิงรุก 2 แนวทางคือ 1. เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับธนาคารพันธมิตร และผู้ประกอบการ SMEs ถึงระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการจัดรถแห่ในจังหวัดที่สาขา บสย. ดูแล 2. มอบหมายให้สำนักงานสาขา 11 แห่ง ทำงานร่วมกับธนาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเงินทุนให้ได้รับสินเชื่อทันเวลา โดยช่วยเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มาขอรับคำปรึกษา และให้คำแนะนำการเตรียมเอกสารการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่ร่วมโครงการ“เป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้สินเชื่อต้นทุนต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ เพื่อลดภาระต้นทุนให้ผู้ประกอบการ ขณะนี้มีวงเงินคงเหลือรองรับการค้ำประกันสินเชื่อ เพียง 17,000 ล้านบาท เป็นแพ็คเกจค้ำประกันสินเชื่อที่คุ้มค่าและช่วยให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากที่สุด”
ทั้งนี้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMES ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ เป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs โดยร่วมกับธนาคารพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อการดำเนินธุรกิจ ทุกกลุ่ม ทุกประเภท ทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ วงเงินสินเชื่อตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้าน โดย บสย. ช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการสูงสุด 40 ล้านบาท ผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังยื่นขอสินเชื่อเพื่อต่อยอด ขยายธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียน สามารถเข้าถึงโครงการนี้ได้ โดยเข้าไปที่ธนาคารที่ร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. อาทิ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
ขณะที่ นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผอ.ฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์กล่าวเสริมว่า บสย. อยากให้กลุ่มลูกค้าได้ใช้สิทธิ์ดังกล่าวก่อนจะสิ้นสุดโครงการ เพราะถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากในการได้รับสิทธิ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าก่อนจะสิ้นสุดโครงการเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถผลักดัน การค้ำประกันสินเชื่อให้ลูกค้าได้ครบตามเป้าหมาย โดยแจ้งความประสงค์ ขอเข้าโครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. หรือ สอบถาม บสย. Call Center 0-2890-9999 เพื่อขอรับคำแนะนำการขอสินเชื่อที่ร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. หรือที่ www.facebook.com/tcg.or.th ทั้งนี้ภาพรวมการให้การบริการกับลูกค้า พบว่า พื้นที่ภาคกลางยังอยู่ในระดับที่สูงตามปกติ รองลงมาเป็นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีสัดส่วนที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 22 เพราะครอบคลุม 24 จังหวัด ภาคใต้ร้อยละ 14 และภาคเหนือร้อยละ 12.9 ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมา.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น