โล่ง..น้ำปิงลดแล้วสูงสุด 3.01 ม.ไม่ท่วมเมืองเชียงใหม่ ไม่มีมวลน้ำเพิ่ม จังหวัดลดระดับสู่การเฝ้าระวังปกติ ย้ำทุกพื้นที่ปลอดภัย ปชช.อย่าตระหนก พร้อมถอดบทเรียนปรับแผนให้มีประสิทธิภาพเพิ่ม

น้ำปิงลดแล้วสูงสุด 3.01 ม.พิษพายุ “เบบินคา”รอบนี้ไม่ท่วมเมือง รองผู้ว่า”พุฒิพงศ์ ศิริมาตย์”ควงผู้บริหารชลประทานและหน่วยเกี่ยวข้องแถลงแจ้งผลปฏิบัติการประชาชนอย่าตื่นตระหนก ยันล่าสุดไม่มีมวลน้ำเพิ่ม จังหวัดลดระดับจากเตรียมพร้อมรับภัยสู่การเฝ้าระวังต่อ ย้ำทุกพื้นที่ปลอดภัยเขื่อนทุกแห่งทุกขนาดในพื้นที่น้ำไม่เกิน 65 % ความจุ เขื่อนใหญ่“แม่กวง-แม่งัด”ได้น้ำเพิ่มแห่งละเกือบ 10 ล้าน ลบ.ม. พร้อมถอดบทเรียนปรับแผนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มตลอดเวลา
เมื่อเวลา 12.10 น.วันที่ 19 ส.ค. 61 ที่ผ่านมาที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ และผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์น้ำ ที่ฝนตกหนักผลกระทบจากอิทธิพลพายุ “เบบินคา”ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำปิงของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในสถานะเฝ้าระวังเท่านั้น เพราะระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อยู่ในสภาวะสูงสุดทรงตัวและลดระดับลงแล้วช่วงเที่ยงวันนี้ แต่ก็ยังมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไปตามแผนปฏิบัติการ ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ก็ยังคงมุ่งเน้นเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารที่ชัดเจน จะไม่มีการปิดบังข้อมูลกับประชาชนอย่างแน่นอน แต่การสื่อสารอาจมีข้อผิดพลาดทำให้เกิดความสับสนอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงค่ำวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาทางชลประทานฯ และทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ออกเอกสารเพื่อเป็นการประกาศข่าวสารให้ข้อมูลแก่ประชาชน แต่กลับทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและเกิดเป็นข่าวลือ เนื่องจากมีการอ่านข้อมูลเพียงไม่กี่บรรทัด พอทราบว่า ปริมาณน้ำจะมาจาก อ.แม่แตงจะไหลผ่านตรงมากลางเมืองเชียงใหม่ในเวลาตีสามเท่านั้น ก็เกิดความตื่นตระหนกกันจนเป็นเหตุให้มีประชาชนจำนวนมากไปเฝ้ารอดูน้ำปิงที่จุด P.1 กันอย่างเนืองแน่น มีการขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งยานพาหนะมาจอดบนผิวถนนทั้งๆ ที่ในหนังสือและประกาศของชลประทานหรือของเทศบาลนครเชียงใหม่ ไม่ได้แจ้งเตือนภัยให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นไว้ที่สูง หรือระบุว่าน้ำปิงจะล้นฝั่งแต่อย่างใด แต่เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนตื่นตระหนก
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สิ่งที่เรายอมรับจากการถอดบทเรียนในครั้งนี้คือ ต้องสร้างความตระหนักให้กับประชาชนและอย่าให้ประชาชนเกิดความตระหนกจากข้อมูลข่าวสารที่สื่อออกไป โดยต่อไปทางจังหวัดจะมีลำดับขั้นตอนในการทำงานในการให้ข้อมูลคือ 1.การประกาศข่าวสาร ให้ประชาชนได้ทราบถึงสถานการณ์น้ำก่อน และถ้าระดับน้ำมีการยกระดับขึ้น ลำดับ 2. จะเป็นการประกาศเพื่อแจ้งเตือนภัย และเมื่อเข้าสู่สภาวะหนักมากจะเข้าสู่การเผชิญภัยก็เป็นลำดับที่ 3. การประกาศภัยพิบัติ ซึ่งจะมีการตั้งห้องวอร์รูม ที่สำนักงานชลประทานที่ 1 ถนนทุ่งโฮเต็ลเป็นจุดอำนวยการข้อมูลหลักประสานเชื่อมโยงไปทุกพื้นที่ และขอให้ประชาชนช่วยอ่านประกาศให้ครบถ้วน และอย่าพึ่งตื่นตระหนก และสุดท้ายเป็นลำดับ 4.คือ ประกาศเพื่อการอพยพจากพื้นที่ประสบภัย เพราะเราจะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียในชีวิตของพี่น้องประชาชนสำคัญเป็นอันดับแรก ส่วนทรัพย์สินถ้าเคลื่อนย้ายหรือเก็บได้ก็ให้เก็บส่วนอสังหาริมทรัพย์บ้านเรือนก็ไม่ต้องเอาความปลอดภัยในชีวิตก่อน

นายพุฒิพงศ์ ย้ำว่า จากนี้ในการถอดบทเรียนก็จะมีการทำแผน One Map ซึ่งเป็นแผนที่จะดูแลบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่เศรษฐกิจตัวเมืองเชียงใหม่ และเส้นทางน้ำอื่นๆ  เช่น น้ำขาน น้ำแจ่ม น้ำฝาง น้ำแม่ออน น้ำแม่สา แม่แตง แม่งัด แต่ละที่ต้องมี ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ก็จะจัดทำแผนที่ลำดับที่ 2 โดยจะทำ One Map ไปทางด้านทิศใต้ น้ำขานและสาขาที่เชื่อมต่อกับ อ.หางดง, สันป่าตอง, สะเมิง และดอยหล่อ โดยคาดว่าในอนาคตจะทำให้ทั้งจังหวัดอยู่ในแผนที่ One Map ทั้งหมด ที่จะมีการกำหนดหน้าที่การทำงาน และบุคลากรที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน และจะมีการบูรณาการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ยอมรับว่า เราขาดประสบการณ์ด้านการประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนไปบ้าง จึงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อน ตอนนี้สถานการณ์ผ่านด้วยดีต้องชื่นชมการบริหารจัดการน้ำของทางชลประทานได้มีการจัดการเส้นทางน้ำไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวแจงว่า สำนักงานชลประทานที่ 1 ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการน้ำ SWOC1 ที่ดำเนินการเรื่องบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ทราบมวลน้ำที่สถานี P.67 บ้านแม่แต อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมวลน้ำสูงสุดอยู่ที่ 394.68 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยได้มีการพร่องน้ำ 4 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้สถานการณ์ลดลง ต่อมาที่ฝายแม่แฝก-แม่งัด อ.แม่แตง ก็ได้มีการตัดยอดเพื่อพร่องน้ำลง 15 ลบ.ม.ต่อวินาที แล้วสองลำน้ำดังกล่าวได้เข้ามาที่ P.67 บ้านแม่แต ก่อนจะไหลมาสมทบกับน้ำแม่ริม อีก 40 ลบ.ม.ต่อวินาที 432 ลบ.ม.เศษต่อวินาที ซึ่งเกณฑ์ที่วางไว้คือมวลน้ำ 450 ลบ.ม.ต่อวินาที ที่จะทำให้ระดับน้ำปิงที่ P.1 สูง 3.70 ม.จุดวิกฤตแรก ถือว่าน้ำน้อยกว่าการคาดการณ์ไว้ และเมื่อประเมินว่าน้ำจะเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ในเวลาตีสาม ทางศูนย์ปฏิบัติการน้ำฯ จึงได้มีประกาศสถานการณ์เรื่องน้ำให้ประชาชนได้รับทราบ โดยทางศูนย์ฯได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลอดเวลา มีการบริหารจัดการน้ำเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจเขตเมือง โดยตัดยอดน้ำหรือพร่องน้ำเข้าคลองแม่แตง ทำให้คลองมีปริมาณน้ำจำนวนมาก แต่น้ำจำนวนนี้ก็ไม่ได้ก่อผลกระทบอะไรกับลำน้ำแม่แตง และการพร่องน้ำในฝายแม่แฝก-แม่งัด ปริมาณ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำและลำคลองส่งน้ำ เพราะก่อนหน้านี้ได้เคลียร์พร่องน้ำไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบ ต่อมาทางชลประทานได้ทำการตัดยอดน้ำที่จะไหลเข้ามายังพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดพื้นที่ช่องว่าง รองรับน้ำ 4 ล้าน ลบ.ม. โดยเปิดประตูระบายน้ำท่าวังตาล และล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 19 ส.ค.61 ระดับน้ำแม่แตงเริ่มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ และน้ำแม่ริม เริ่มลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ในน้ำแม่ปิง มวลน้ำก้อนใหญ่ได้เคลื่อนผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว โดยการระบายผ่านประตูระบายน้ำ ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเริ่มผันน้ำตั้งแต่เวลา 03.00 – 12.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ซึ่งระดับน้ำปิงก็ไม่ได้เอ่อท่วมเพราะยังห่างจากจุดวิกฤตอยู่มาก โดยมวลน้ำที่ไหลผ่านจุด P.1 สะพานนวรัฐมากสุดมี 341 ลบ.ม.เศษต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำจุด P.1 สูงสุดเพียง 3.01 ม. ห่างจุดวิกฤตใกล้ล้นตลิ่งที่ 3.70 ม.   

สิ่งที่เราได้จากการถอดบทเรียนจากผลกระทบพายุ”เบบินคา”ในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีการเตรียมการมาอย่างดี แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ การสร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพราะอย่างที่รองผู้ว่าฯบอกเมื่อตอนห้าทุ่มวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากไปมุงเต็มจุดวัดน้ำสะพานนวรัฐ ทางเราต้องรีบไปชี้แจงให้ทราบว่าทางศูนย์ปฏิบัติการฯเองมีเครื่องมือ มีการบริหารจัดการพร้อม เรามีข้อมูลที่ครบถ้วนแต่ไม่ได้สื่อสารออกไปให้ประชาชนรู้ จึงทำให้เกิดความตระหนกกันมาก และอีกอย่างคือเรื่องของน้ำนี้มันพลิกไวไปทุกชั่วโมง ทุกนาที อย่างไรก็ดีสิ่งที่ได้จากครั้งนี้เราก็จะถอดบทเรียนไว้แก้ไขในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต และต่อไปจะใช้ที่ SWOP1 นี้เป็นที่แถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนด้วย เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเป็นข่าวลือเหมือนครั้งนี้

ทางนายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า อย่างไรก็ดีพายุ “เบบินคา” ได้เพิ่มน้ำในเขื่อนให้กับจังหวัดเชียงใหม่ โดยเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลได้ 9.6 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เพิ่มกว่า 6 ล้าน ลบ.ม. แต่ก็ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมากยังไม่ถึงครึ่งของความจุ ส่วนอ่างขนาดกลางและขนาดเล็กก็มีการบริหารน้ำไว้ล่วงหน้าก็ได้รับน้ำเพิ่มแต่ก็มีน้ำไม่เกิน 65% ของความจุดจึงไม่มีจุดไหนเสี่ยงน้ำล้นจึงขอให้ประชาชนสบายใจได้ แม้ว่า นอกจากนี้ทางชลประทาน ได้ประสานทางเทศบาลนครเชียงใหม่ เรื่องของประตูระบายน้ำ ท่อระบายน้ำทุกจุดในพื้นที่ เพื่อจะนำข้อมูล ประตูน้ำมีจุดไหนบ้าง และท่อระบายน้ำมีขนาดเท่าไหร่ เพื่อจะได้ทราบว่า จะเตรียมความพร้อมป้องกันอย่างไร รวมถึงการขุดลอกท่อระบายน้ำในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า น้ำที่เคยท่วมบนถนนท่าแพ ถนนราชดำเนิน และถนนที่เป็นเส้นทางเศรษฐกิจในตัวเมืองเชียงใหม่ ขณะนี้ได้ขุดลอกไปแล้ว ทำให้ฝนตกหนักในห้วงที่ผ่านมานั้นน้ำก็ไม่ท่วมอีก รวมทั้งน้ำจากดอยสุเทพทำให้การบริหารจัดการดีมากขึ้น ส่วนจุดที่เป็นปัญหาก็ต้องปรับแก้ไขต่อไป รวมทั้งจุดที่ต้องเสริมเรื่องเครื่องสูบน้ำที่รอเข้าพื้นที่ทันทีที่มีเหตุด้วย
ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ผลจากการพร่องน้ำออกจากประตูระบายน้ำ มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากพบว่า มีประชาชนที่ออกหาปลาริมแม่น้ำปิง บางคนได้เข้ามาที่ประตูระบายน้ำ เพราะเห็นว่า น้ำลด แล้วมุดเข้าไปที่ประตูระบายน้ำเพื่อจะหาปลา ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประตูระบายน้ำก่อนทำการเปิด จึงทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนในเรื่องการหาปลาริมแม่น้ำและใกล้ประตูน้ำให้ระวังอันตรายไว้ด้วย เพราะบางครั้งอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากเจ้าหน้าที่ไม่เห็นและปล่อยน้ำ ซึ่งการบริหารจัดการน้ำจะมีการประสานเชื่อมต่อกันทุกพื้นที่ รวมทั้งลำพูนที่จะรับมวลน้ำต่อด้วย.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน