เชียงใหม่เร่งแก้ปัญหานกพิราบข่วงท่าแพหวั่นสร้างปัญหาบานปลาย

เร่งแก้ปัญหาพิราบข่วงประตูท่าแพ เน้นสร้างความเข้าใจนัก ทท.และดำเนินกฎหมายคนขายอาหาร โดยเฉพาะผู้สนับสนุน -บ.ทัวร์ ที่ฉวยโอกาสสร้างกระแสเอาประโยชน์ ระวังเจอดีอ่วมแน่

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยและมีข้อดำริ ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องทุกพื้นที่ดูแลปัญหาเรื่องของนกพิราบ จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งโดยเฉพาะข่วงประตูท่าแพ ที่มีปริมาณนกพิราบเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความเข้าใจผิดของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและมาให้อาหารกับนกพิราบ ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เร่งเข้าไปทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวและแก้ปัญหารวมถึงจัดการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ ซี่งล่าสุดทางเทศบาลนครเชียงใหม่ กับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ปศุสัตว์ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ก็เร่งดำเนินการแก้ไข โดยวันนี้ จึงให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ และทางตำรวจได้มาชี้แจงความคืบหน้าของการดำเนินการ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง 

ทั้งนี้นายณัฐฐ์ชูเดช วิริยดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่เปิดเผยว่า "ลานท่าแพ” เป็นสถานที่นิยมของนักท่องเทียวเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์หนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ปัญหาบนลานประตูท่าแพกรณีนกพิราบนั้น ปัญหาเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 จากการที่นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดว่า การให้อาหารนกเป็นกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อมาลานประตูท่าแพ     จนกลายมาเป็นกิจกรรมว่า มาเชียงใหม่ต้องแวะมาให้อาหารนก มาถ่ายภาพ ทำให้มีนกพิราบจำนวนนับพันตัวมาอาศัยอยู่เต็มลานกว้างของข่วงประตูท่าแพ อีกทั้งมีบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ฉกฉวยโอกาส นำอาหารนกและอาหารปลา มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว โดยเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวนำอาหารไปให้นกพิราบ แม้ว่าจะมีการติดป้ายประกาศห้ามให้อาหารนกพิราบแล้วก็ตาม แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่ร่วมมือและยังคงมีการให้อาหารนกจนทำให้มีจำนวนนกพิราบเพิ่มปริมาณมากขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง สร้างปัญหาด้านความสะอาด อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคต่าง ๆ ที่อันตรายอีกมากมายโดยโรคอันตรายที่มากับ “นกพิราบ”ที่เป็นพาหะนำโรคร้ายหลายชนิด เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคคริปโตคอกโคสิส (โรคเชื้อราในสัตว์) โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดนกเป็นต้น

ในการแก้ไขปัญหานกพิราบของเทศบาลนครเชียงใหม่ก็ได้ประสานงานทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเข้ามาสำรวจเก็บตัวอย่างมูลไปตรวจหาว่ามีเชื้อโรคหรือไม่ ตลอดจนเทศบาลนครเชียงใหม่ทำการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ประจำ มีการติดป้ายขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันงดให้อาหารนกพิราบในบริเวณดังกล่าวด้วย มีการจับนกพิราบปล่อยคืนสู่ป่าเพื่อลดจำนวนนกพิราบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการกวดขันจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาหารนกบนลานท่าแพ ที่มีไม่กี่รายและมักจะเป็นรายเดิมๆ มีการจัดเจ้าหน้าที่พร้อมล่ามสื่อสาร เข้าประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เรื่องการงดให้อาหารนกพิราบ โดยผลจากการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวเริ่มทราบถึงปัญหาและให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบมากขึ้น จำนวนนกพิราบบนลานท่าแพเริ่มลดจำนวนลง ผู้ลักลอบจำหน่ายอาหารนกเริ่มหมดไป โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาคือ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 25,000 บาท นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ต่างๆที่มีนกพิราบอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อทำการควบคุม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นไปพร้อมกันด้วย

ขณะที่ พันตำรวจเอก ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มาตรการทางกฎหมายได้มีการจับกุมผู้กระทำผิด ในการจำหน่ายอาหารสัตว์แล้ว ยังมีการแจ้งเตือนไปยังบริษัท ที่ทำกิจการด้านการท่องเที่ยว หรือบริษัททัวร์ ที่ใช้โอกาสดังกล่าวแสวงประโยชน์จากนักท่องเที่ยวสร้างความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นระหว่างนี้กำลังสอบสวนถ้าหากมีการดำเนินการไปในทางที่ไม่ถูกต้องก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายด้วย ถือว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับบรรยากาศของการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ที่นกพิราบเป็นพาหะ ขณะเดียวกันการสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญจึงร่วมมือกับทุกส่วน ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปแนะนำรวมถึงทำป้ายประชาสัมพันธ์มีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีนและภาษาไทย ซึ่งก็เริ่มได้รับความเข้าใจและร่วมมือจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น 

ระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลนครเชียงใหม่ เข้ากวดขันจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอาหารนกบนลานประตูท่าแพ ในส่วนของสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ มีผลการจับกุมผู้กระทำผิด ในช่วงเดือน กรกฎาคม – กันยายน 2561 จำนวน 29 ราย เป็นคดีเปรียบเทียบปรับ จำนวน 22 ราย และส่งฟ้องศาลแขวง จำนวน 7 รายจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการประสานงานกับหลายหน่วยงาน เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาร่วมกัน.