ชลประทานเดินหน้าศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมทำอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอฮอด ชาวบ้านได้เฮหลังยื่นขอถวายฎีกาตั้งแต่ปี 37

ชลประทานเดินหน้าศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมทำอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอฮอด ชาวบ้านได้เฮหลังยื่นขอถวายฎีกาตั้งแต่ปี 37
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ กรมชลประทานจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 1 ในการปฐมนิเทศโครงการ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย 9 หมู่บ้าน กว่า 1,500 ครัวเรือน โดยมีนายวิฑูรย์ ฐิติธนภัค รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) ซึ่งทางกรมชลประทาน ได้จัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(EIA) ในห้วงเวลา 300 วัน เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ตามเป้าหมายที่จะสามารถเริ่มก่อสร้างอ่างเก็บน้ำนี้ได้ในปี 2563-64 ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ที่ปี 2566 (2563-2566) และเมื่อโครงการแล้วเสร็จก็จะสามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝนได้ประมาณ 20,000 ไร่ ฤดูแล้งในเขตพื้นที่บางส่วนของโครงการได้ประมาณ 6,000 ไร่
โครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอฮอดแห่งนี้ เป็นด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการหลวงปางดะ ในเขตอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ได้พระราชทานพระราชดำริ เห็นควรให้พิจารณาวางโครงการและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่ เพื่อจัดหาน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูก ในหมู่บ้านต่างๆ ในเขตอำเภอฮอด ที่อยู่ขอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ให้มีน้ำทำการเพาะปลูกพืชต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค น้ำในลำห้วยต่างๆ แห้งขอด ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ราษฎรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2537 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรบ้านตีนตก และได้มีราษฎรชาวเขาบ้านตีนตก หมู่ที่ 8 ตำบลนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลำห้วยแม่น้ำป่าไผ่ เนื่องจากขาดแคลนน้ำทำนา ทำสวน อุปโภคและบริโภค ทำให้เกิดความสูญเสียและความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยกรมชลประทาน ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการพิจารณาศึกษาวางแผนโครงการมาเป็นลำดับ

ในปี พ.ศ. 2552 กรมชลประทานได้ศึกษาเพิ่มเติมและจัดทำรายงานแล้วเสร็จ โดยที่ตั้งโครงการ ก่อสร้างปิดกั้นลำห้วยแม่ป่าไผ่ ในตำบลนาคอเรือ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้นำมาตรวจสอบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า พื้นที่อ่างเก็บน้ำที่ระดับน้ำสูงสุด 656 ไร่ ความจุดประมาณ 12.24 ล้าน ลบ.ม.เป็นเขื่อนดินแบ่งโซนการส่งระบายน้ำต่างๆ รวมทั้งพื้นที่หัวงานและอาคารประกอบอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่มและป่าแม่ตื่น ในเขตป่าการอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) ดังนั้นโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ป่าไผ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เนื่องจากมีพื้นที่อ่างเก็บน้ำอยู่ในป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมมากกว่า 500 ไร่ เป็นต้นไป ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2554 เรื่องการทบทวนการกำหนดประเภท และขนาดของโครงการ ของหน่วยงานรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม เพื่อนำเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความเห็น ก่อนที่จะนำไปประกอบการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจากกรมป่าไม้ เพื่อก่อสร้างโครงการต่อไป ซึ่งในการดำเนินการศึกษากรมชลประทานได้มอบหมายให้กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด และ บริษัท ไทยคอนซัลแตนท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ให้เป็นผู้ดำเนินการศึกษา โดยพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตำบลนาคอเรือ และ บางส่วนของตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ การจัดประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความเป็นมา วัตถุประสงค์ แนวทางขั้นตอนแผนการศึกษาโครงการ ให้ท่านได้รับรู้รับทราบ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ต่อขอบเขต แนวทางการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อวิตกกังวลต่างๆ เพื่อที่จะได้นำไปกำหนดเป็นกรอบแนวทางการศึกษาให้มีความสมบูรณ์ สอดคล้องกับความต้องการของราษฎรและสภาพพื้นที่ต่อไป ผู้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย ประชาชนในพื้นที่ศึกษาโครงการ 9 หมู่บ้านและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยนายเอกรินทร์ เม็ดโท นายก อบต.นาคอเรือกล่าวว่า ชาวบ้านได้รับผลกระทบหนักทุกปีเนื่องจากไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคและใช้ในการเกษตรที่เพียงพอ ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำ น้ำทั้งหมดผ่านลงไปสู่เขื่อนภูมิพลทั้งหมด ก่อนหน้านี้ปี 2537 ประชาชนได้ยื่นขอถวายฎีกา ขอพระราชทานอ่างเก็บน้ำแห่งนี้จนกระทั่งวันนี้ฝันและความหวังเริ่มใกล้ความจริงด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีแหล่งน้ำรองรับในการดำรงชีวิต จะเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนมากขึ้น รวมทั้งจะเกิดกิจกรรมอื่นๆตามมาทั้งการท่องเที่ยวและสร้างรายได้กับชุมชนอีกทางหนึ่ง ถือเป็นข่าวดีที่ทุกคนต่างก็แสดงความดีใจกันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ทางกรมชลประทาน จะดำเนินการรับฟังความเห็นพร้อมศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 ครั้ง ก่อนจะสรุปเสนอต่อ สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป คาดว่าช่วงกลางปีหน้า น่าจะมีความชัดเจน ในเรื่องของการก่อสร้างและวงเงินงบประมาณ.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน