ปลุกสำนึก ร่วมปกป้องดอยสุเทพตั้งแต่เด็กผ่านนิทาน ชุด“อ่านดอยสุเทพ”เปิดเวทีเผยจิตวิญญาณดอยสุเทพสู่เยาวชนลูกหลาน ให้ตระหนักรู้คุณค่าที่มากกว่าที่เห็น
งานมหกรรมการอ่านแห่งชาติฯ สร้างพลังปลุกสำนึก ร่วมปกป้องดอยสุเทพตั้งแต่เด็กผ่านนิทาน
ชุด“อ่านดอยสุเทพ”เปิดเวทีเผยจิตวิญญาณดอยสุเทพสู่เยาวชนลูกหลาน
ให้ตระหนักรู้คุณค่าที่มากกว่าที่เห็น และกำลังถูกรุกรานทุกวัน พร้อมเตรียมขยายนิทานชุดนี้สู่เด็กทุกพื้นที่จากรุ่นสู่รุ่น
เชียงใหม่ 2
ธ.ค.-ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7
รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ภายในงานมหกรรมการอ่านแห่งชาติ ครั้งที่ 2 : มหัศจรรย์การอ่านเพื่อเด็กปฐมวัยในภูมิภาคและเทศกาลลิขสิทธิ์และเนื้อหาสำหรับสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน
หรือ ICCRF (International Children's Content Rights Fair) และมหกรรม
Big Bad Wolf ที่แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
สสส.และเครือข่ายองค์กรต่างๆจัดขึ้น
เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอ่านในการพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย
ซึ่งเป็นกำลังสำคัญต่ออนาคตของประเทศ ในเวทีเสวนา “อ่านดอยสุเทพ”ที่มีพร้อมเปิดตัวหนังสือนิทานชุด
“อ่านดอยสุเทพ”เพื่อสร้างความเข้าใจแก่เยาวชนเด็กๆ
ได้เรียนรู้เรื่องราวของดอยสุเทพผ่านนิทาน
ที่ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีวัดพระธาตุดอยสุเทพหรืออนุสาวรีครูบาเจ้าศรีวิขัยที่ใครมาก็มากราบไหว้บูชานมัสการเท่านั้น
รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าเรื่องราวที่มากกว่าที่เห็น
ให้ผู้ใหญ่ได้ตระหนักรู้และส่งต่อลูกหลานร่วมปกป้องจากรุ่นสู่รุ่น
ไม่ให้มีการทำลายหรือสร้างมลทินรอยแผลให้ดอยสุเทพอันศักดิ์สิทธิ์ของมหานครล้านนาอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน
โดยมีกลุ่มศิลปินนักคิดนักเขียนนำโดย คุณอัคคี
มูลเมฆ จากสโมสรนักเขียนเชียงใหม่ ผู้รวบรวมบทความดอยสุเทพ คุณระพีพรรณ
พัฒนาเวช บรรณาธิการหนังสือเดินทางสร้างสุขเพื่อเด็กปฐมวัย ชุด อ่านดอยสุเทพ
คุณทัทยา อนุสรราชกิจ นักเขียนหนังสือนิทานภาพ ชุด อ่านดอยสุเทพ เรื่อง
หนูน้อยไปดอยสุเทพ คุณวิรตี ทะพิงค์แก นักเขียนหนังสือนิทานภาพ เรื่อง ป่า ดอย
บ้านของเรา ดำเนินรายการโดย คุณชัชวาลย์ ทองดีเลิศ
คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการปลุกใจเมืองฟื้นใจ๋เมือง
(เชียงใหม่และล้านนา)ในเวทีต่างได้สะท้อนถึงความตั้งใจในการทำงานผ่านสื่อนิทานให้เด็กๆได้รับรู้เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่แต่เข้าใจง่ายๆ
ด้วยนิทานและชุดภาพวาดสื่อเรื่องราวเพียงไม่กี่ประโยค แต่ต้องการสื่อสารให้เข้าใจ
ก่อนเข้าสู่เวทีสนทนาได้เริ่มต้นด้วยคำขวัญของเมืองเชียงใหม่
ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุพชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์
ดอยสุเทพเป็นศรี ศรีเป็นศิริ เป็นมงคลสูงสุด เพราะฉะนั้นดอยสุเทพจึงไม่ใช่แค่ภูเขา
จึงเป็นครั้งแรกที่เราอยากเห็นลูกหลานอยากเห็นเด็กเยาวชนและทุกคนได้อ่านดอยสุเทพ
ให้ทุกคนได้ย้อนกลับมาดู กลับมาเรียนรู้ กลับมาอ่าน กลับมาศึกษาเรื่องราวของดอยสุเทพ
ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษ
ได้สืบสานได้สืบทอดเรื่องราวและตำนานต่อกันมาอย่างยาวนานและเราจะร่วมกันส่งต่อให้กับคนในรุ่นต่อ
ๆ ไปในอนาคต ผ่านเรื่องของการอ่านจากหนังสือนิทานของผู้เขียน ในชุดอ่านดอยสุเทพนี้
โดยระพีพรรณกล่าวว่า ครั้งแรกที่ ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
โทรศัพท์ติดต่อให้มาทำชุดอ่านดอยสุเทพ คำแรกที่นึกขึ้นได้คือคำว่า “กราบดอยสุเทพ”
เป็นคำที่ผุดขึ้นมาและกลายเป็นคียเวิร์ดแรกที่เริ่มต้นในการทำหนังสือ
“อ่านดอยสุเทพ” จากนั้นจึงเริ่มต้นค้นข้อมูล
และพบว่า ดอยสุเทพเป็นพระธาตุหนึ่งที่คนปีมะแมต้องไปกราบทำให้เชื่อมั่นและรู้สึกว่างานนี้เป็นงานของเราแน่นอน
หลังจากได้ประโยคในใจคือ “กราบดอยสุเทพ”แล้ว
ก็คิดต่อว่ามีระยะเวลาในการเขียนเพียง 45 วัน จะต้องทำอย่างไร
เพื่อให้ทันออกในงาน ICCRF จึงได้มีการชักชวนนักเขียนในเชียงใหม่มาทำหนังสือด้วยกันดังกล่าว
ทั้งนี้เป้าหมายของการทำหนังสือชุดนี้คือไม่อยากให้เป็นหนังสือที่ให้ข้อมูล
แต่อยากให้เด็กสนุก รู้สึกอิน และเป็นหนังสือที่เหมาะแก่วัยของเด็ก
ซึ่งการสร้างสรรค์หนังสือของตนเองเน้นไปที่เด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่
เมื่อหนังสือชุดนี้เน้นไปที่เด็กปฐมวัยและเด็กอายุไม่เกิน 8 ปี
สิ่งที่ต้องทำคือการหานักเขียนหนังสือเด็กที่เข้าใจความคิดของเราและสื่อสารเรื่องที่ยาก
ๆ ให้เข้าใจง่าย ดอยสุเทพ
เป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จะทำอย่างไรให้สื่อสารเรื่องราวสิ่งศักดิ์สิทธิให้กับเด็กปฐมวัยเด็กอายุ 3
– 5 ขวบรู้สึกสนุก เมื่อทำการสื่อสารกับนักเขียนปรากฏว่า
เตรียมเรื่องไว้ในมือแล้ว หนึ่งอาทิตย์ถัดมาทั้งสองคนส่งต้นฉบับมาให้
พร้อมหาคนวาดรูปประกอบให้ โดยเชื่อว่าหนังสือชุดนี้มีแรงบันดาลใจจากทุนเดิม คือ
ดอยสุเทพซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ อยู่ในใจเรา
และเชื่อว่างานนี้พระธาตุดอยสุเทพคุ้มครอง
และกำหนดหนังสือชุดอ่านดอยสุเทพสำหรับเด็ก 3
ช่วงวัย กราบดอยสุเทพ เป็นหนังสือนิทานสำหรับเด็ก 3 – 4
ขวบ เรื่องที่สอง หนูน้อยไปดอยสุเทพ สำหรับเด็ก 4 – 5
ขวบ และป่าดอยบ้านของเรา สำหรับเด็ก 5 – 6 ขวบ เมื่อกำหนดอายุได้อย่างชัดเจนแล้ว
จะทำให้สามารถกำหนดเนื้อหาได้
เพราะเด็กแต่ละวัยการรับรู้ประสบการณ์หรือพัฒนาการแตกต่างกัน
ขณะที่หัทยา อนุสสรราชกิจ กล่าวว่า
คุณค่าของดอยสุเทพมีเกินคำบรรยาย แต่เป็นจิตวิญญาณของเมืองมาแต่อดีต
การฟังเสียงดอยสุเทพ มันยากที่จะอธิบายถึงเรื่องราวที่เป็นจิตวิญญาณของดอยสุเทพ
ตนเองต้องลงทุนเดินขึ้นเองเพื่อสัมผัสสรรพสิ่งต่างๆ
ที่ฟังเสียงก็จะรู้ว่าแต่ละจุดมีความต่างและมหัศจรรย์
เป็นแหล่งเรียนรู้และรากเหง้าทางวิถีวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่ก่อร่างสร้างเมือง
ดีใจมากที่มีส่วนได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้เด็กๆเยาวชนได้รับรู้ผ่านนิทานที่ให้เข้าใจง่ายๆ
ส่งต่อให้ลูกหลานร่วมกันปกป้องดูแล
เพราะถ้าจะเขียนถึงมีเรื่องราวมากมายหลายมิติมาก
ครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อชวนทำนิทานอ่านดอยสุเทพ รู้สึกหนักใจ เพราะไม่เคยทำงานหนังสือกับเด็กเล็ก
เพราะในการเขียนเรื่อง ๆ หนึ่ง รายละเอียดเยอะมาก ดอยสุเทพข้อมูลเยอะมาก
โชคดีที่พบว่าต้นฉบับมีงานเขียนชิ้นหนึ่งที่ขึ้นต้นว่า ปิ๊น ๆ แป๊น ๆ
สื่อสารเรื่องการขับรถขึ้นดอยสุเทพ ที่จะมีการปีบแตรบริเวณลานครูบา
มองว่าเป็นสัญลักษณ์บางอย่างในการบอกว่าเรากำลังจะขึ้นดอยสุเทพ
เมื่อโจทย์คือเด็กเล็ก วิธีคิดในการอธิบายเรื่องยาก ๆ ยาว ให้เด็กเข้าใจ จะทำอย่างไร จึงเอาเสียง
มาเป็นแนวทางในการสร้างเรื่องราว เพราะดอยสุเทพมีความหลากหลายของเสียง
จึงใช้เรื่องของเสียงและธรรมชาติมาเป็นแนวทางในการทำนิทาน เริ่มจากเสียงปุ๊น ๆ แป็น ๆ
ของรถที่วิ่งขึ้นดอย ดูว่าหากใช้เรื่องของเสียงจะสามารถนำมาทำเป็นเนื้อหาได้หรือไม่
จึงมีการเดินขึ้นดอยสุเทพเอง ทำให้พบว่าแต่ละช่วงของการเดินขึ้นดอยสุเทพ
มีมิติของเสียงที่แตกต่างหลากหลาย มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละช่วง
เสียงเป็นนามธรรมที่สามารถบ่งบอกถึงสถานที่ที่อยู่ตรงนั้นได้ เช่น
ทางเดินขึ้นวัดผาลาดเป็นเสียงของน้ำไหล เสียงของนกร้องในป่า จากการเดินขึ้นดอยสุเทพแล้วทำการเก็บความรู้สึกและความประทับใจจากเสียงที่เราได้ยินนำมาใช้ในการเล่าเรื่อง
เป็นการใช้เสียงของความศรัทธาและเสียงจากธรรมชาติ เป็นแรงบันดาลใจในการทำนิทาน
ความโชคดีอีกเรื่องคือได้มีโอกาสไปดูชุมชนที่ทำเรื่องเกี่ยวกับการอ่านที่จังหวัดตรัง
ได้ไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีนักเล่านิทานคือแม่อ๋วน จากสุรินทร์
มาเล่านิทานเด็กให้ฟังในศูนย์เด็กเล็ก ทำให้เห็นถึงจังหวะของการเล่า
เห็นการออกเสียงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง เห็นการใช้ประโยคใช้คำในการเล่านิทาน
พอฟังการเล่านิทานจากแม่อ๋วน ประกอบกับโจทย์ที่ได้รับจากพี่แต้ว
และเสียงที่เก็บมาจากการเดินขึ้นดอยสุเทพ
นำมาประกอบเป็นเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ คือ หนูน้อย ไปดอยสุเทพ
แต่สิ่งที่อยากบอกมากอย่างหนึ่งเวลานี้คือ ดอยสุเทพเจ็บปวดในวันที่ถูกถากผิวดิน
ต้นไม้ใหญ่ร้องไห้วันที่เพื่อนๆโดนตัดโค่น ลำห้วยสิ้นใจวันที่ถูกถม
หัวใจคนเชียงใหม่สะอื้นรวดร้าวทุกครั้งที่เห็นภาพบาดตา
คำร้องขอให้คืนป่ามาดังระงมไม่เคยหยุด แต่คนที่ทำร้ายดอยสุเทพไม่ยอมรับฟัง
ด้านวิรตี บอกว่า นิทานเกี่ยวกับดอยสุเทพ
รู้สึกอยากทำ แต่การทำหนังสือให้เด็กเป็นเรื่องที่ยากมากแม้จะทำงานเขียนมาตลอด 20 ปี
แต่ไม่ได้โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายเด็ก การทำนิทานให้เด็กเป็นเรื่องที่ยากที่สุด
และรู้สึกกังวล โดยได้รับโจทย์ให้ทำนิทานสำหรับเด็ก 5 - 6
ขวบ ทำนิทานเรื่อง “ป่า ดอย บ้านของเรา” โดยใช้ประสบการณ์จากการเป็นแม่และอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
รู้วิธีการในการย่อยข้อมูลเรื่องที่ยาก มาเล่าให้ง่าย
ดอยสุเทพสำหรับคนเชียงใหม่ไม่ใช่แค่ภูเขา เป็นจิตวิญญาณของคนเชียงใหม่
เป็นบ้านทั้งในเชิงกายภาพ คือบ้านของคนที่อยู่บนดอย เป็นบ้านของสัตว์
เป็นบ้านของน้ำ เป็นบ้านของต้นไม้ ในขณะเดียวกันก็เป็นบ้านเชิงจิตใจของคนเชียงใหม่
ดอยสุเทพเป็นที่พึ่งทางใจ เพราะฉะนั้นจึงใช้คีย์เวริด์จากคำว่า
“บ้าน” และ“ธรรมชาติวิทยา”
เป็นโจทย์ พัฒนาเนื้อหาในรูปของนิทาน
ทำให้คนเห็นความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของดอยสุเทพที่บ้านในเชิงกายภาพ
และเรื่องของสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ ป่า ดอย
เป็นการสื่อสารให้คนเห็นมิติความสัมพันธ์ของธรรมชาติกับตัวเองกับดอยสุเทพ
ผ่านการเล่าเรื่อง
ในภาพของการสื่อถึงผู้ใหญ่ อัคนี มูลเมฆ
ผู้รวบรวมเนื้อหาด้านนี้บอกว่า ทำหนังสือจิตวิญญาณเชียงใหม่
หนังสือสำหรับผู้ใหญ่อ่าน ทำหนังสือดอยสุเทพในรูปแบบของอีบุ๊ค
โดยเน้นไปที่เรื่องของจิตวิญญาณเชียงใหม่ เนื่องจากดอยสุเทพมีเรื่องราวหลากหลายแง่มุม
ทั้งเรื่องธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ศรัทธา รวมถึงเรื่องปัญหา
เป็นการเล่าภาพรวมของดอยสุเทพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคนอ่านคือกลุ่มผู้ใหญ่
เน้นสะท้อนให้เห็นปัญหาและความสำคัญของดอยสุเทพกับเมืองเชียงใหม่ในหลากหลายแง่มุมเรื่องแรก
ระบบนิเวศน์ ดอยสุเทพเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
หิมาลัยเป็นตัวเชื่อมแผ่นทวีปเข้าด้วยกันคือยูเรเซียกับอินเดีย
ทั้งสองแผ่นถูกเย็บตะเข็บด้วยเทือกเขาหิมาลัย
ดอยสุเทพเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย เรามีสายน้ำที่ไหลลงมาจากดอย
ดอยสุเทพเป็นแหล่งเกิดของสายน้ำ ดังนั้นดอยสุเทพจึงเป็นระบบนิเวศน์ขนาดใหญ่
เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ มีที่ราบ มีแอ่งดอย เป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง
ใช้ในการทำเกษตรกรรม ให้ความชุ่มชื้นดอยสุเทพเป็นพื้นราบที่อยู่บนดอย
ดอยสุเทพจึงถือเป็นแหล่งนิเวศน์ที่มีความสำคัญของเมืองเชียงใหม่
เรื่องที่สองประวัติศาสตร์ ดอยสุเทพมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่
ความเชื่อทางศาสนา ความศรัทธา มีตำนานและเรื่องเล่าที่ยาวนาน
มีชนเผ่าที่อาศัยอยู่ที่นี่ มีความสัมพันธ์กับเรื่องจามเทวี ขุนหลวงวิลังคะ
ซึ่งเป็นรากเหง้าที่มาจนทุกวันนี้ เรื่องที่สาม ปัญหาดอยสุเทพเป็นดอยขนาดใหญ่ที่อิงอยู่กับเมือง
ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
เมื่อเมืองอิงอยู่กับดอยใหญ่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
ดอยสุเทพเป็นปอดของเราเป็นที่ที่เราต้องอิงอาศัย เราอาศัยทั้งด้านความเชื่อ
มีพระธาตุดอยสุเทพเป็นหัวใจ เป็นจิตวิญญาณของเมืองเชียงใหม่
เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้เป็นการสะท้อนจิตวิญญาณของหนังสือ ผ่านระบบนิเวศน์
ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ เรามีพระธาตุดอยสุเทพเป็นจิตวิญญาณ
เป็นศูนย์กลางของความเชื่อของคนเชียงใหม่ เพราะเจตนาในการทำหนังสือเล่มนี้คือ
ต้องการให้คนอ่านได้เห็นภาพรวมของดอยสุเทพ
ผ่านทางภาพถ่ายและเรื่องราวในบทความของนักเขียนท่านต่าง ๆ
ที่ช่วยกันเขียนเรื่องดอยสุเทพในหลากหลายแง่มุม ภายใต้หนังสือชื่อ“จิตวิญญาณของเมืองเชียงใหม่”
ทั้งนี้หลายคนพูดตรงกันว่า
วันนี้ถ้าหากเราไม่ช่วยกันดูแล ไม่ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้คุณค่าความเป็นมาที่มากกว่ามองเห็น
ในอนาคตอาจจะมีแค่ตำนานเล่าขานเท่านั้นและดอยศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจิตวิญญาณของชาวเชียงใหม่ชาวล้านนาแห่งนี้
อาจไม่เหลือร่องรอยของความทรงจำที่ดีๆเหลืออยู่เลยก็ได้
แม้สังคมจะปฏิเสธการพัฒนาไม่ได้ แต่สุดท้ายคนก็ต้องพึ่งพิงธรรมชาติ
ดอยสุเทพเป็นทั้งต้นน้ำ เป็นปอดของเมือง
เป็นต้นกำเนิดของวิถีอารยวัฒนธรรมประเพณีหลากหลาย มีความหลากหลายทางชีวภาพ
ทางชีววิทยามากมาย แต่การเติบโตของเมืองกำลังรุกราน
จนมีเหตุล่าสุดกรณีหน่วยงานราชการหนึ่งไปสร้างอาคารบ้านพักจนกลายเป็นรอยแผลของดอยสุเทพที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาก.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น