เดินหน้าถกสภายางนา-ขี้เหล็ก #2 จี้ให้บังคับใช้ประกาศคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเข้มข้นตลอดทั้งถนนสายต้นยาง ยื่นข้อเสนอให้ อบจ.เชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพหลัก พ่อเมืองชื่นชมทุกฝ่ายพร้อมนั่งหัวโต๊ะขับเคลื่อน
เดินหน้าถกสภายางนา-ขี้เหล็ก #2
จี้ให้บังคับใช้ประกาศคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเข้มข้นตลอดทั้งถนนสายต้นยาง
ยื่นข้อเสนอให้ อบจ.เชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมแนะจ้างเอกชนมาดูแล/มีหน่วยจัดการต้นไม้ทุก
อปท. พ่อเมืองเชียงใหม่ร่วมนั่งหัวโต๊ะ ชี้คนแก้ปัญหาต้องรู้จริง ประชาชนตลอดทั้ง
2 ฝั่งถนนต้องมีส่วนร่วมอย่างมีความสุข
เชียงใหม่-เมื่อวันที่
29 มี.ค. 62
ที่ห้องประชุม โรงเรียนเวฬุวัน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ หน่วยงานราชการ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มสมาชิกเขียวสวยหอม นักวิชาการ ภาคเอกชน ประชาชน ในนาม
“สภายางนา-ขี้เหล็ก” เปิดเวทีสภาฯ
ครั้งที่ 2 โดยมี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดเวทีฯ พร้อมกับให้คำแนะนำว่า
ปัญหาต้นยางนาคนวินิจฉัยต้องรู้จริง วินิจฉัยได้ถูกต้อง
พร้อมกับขยายองค์ความรู้ให้ผู้คนเกิดความเข้าใจกว้างมากยิ่งขึ้น
สำหรับวิธีแก้ต้องวางแผนให้ชัดเจนว่าจะทำอะไร สิ่งไหนทำได้ก่อนหลังเป็นระยะๆ ไป ไม่ควรจะรอช้า
ทุกหน่วยต้องมาคิดร่วมกัน ทั้งแขวงทางหลวง ทสจ. ท้องถิ่น ชุมชน คิดมาร่วมกัน
แต่ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
นอกจากนี้ต้องนำกรอบกฎหมายระเบียบที่มีอยู่มาบังคับใช้
ถ้าแขวงทางหลวงยังไม่รู้เรื่องนี้ก็ทอะไรไม่ได้เพราะเขาดูแลอยู่ด้วย
ก็ต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความรู้มาให้ครบองค์กร เพื่อที่จะมีส่วนกันรับผิดชอบ
จุดไหนทำอะไรได้ก่อนหลังตลอดเส้นทางที่มีต้นยางนาเกือบพันต้นถึงลำพูน ทั้งนี้การดูแลต้นยางนาเพียงลำพังหน่วยใดหน่วยหนึ่งหรือลำพังแค่คนที่มาคุยกันวันนี้คงดูแลไม่ได้ทั้งหมด
ต้องให้ทุกคนที่อยู่ตลอดถนนเชียงใหม่-ลำพูน เส้นทางนี้ มีส่วนร่วมกัน
มีความตระหนักในการจะทำให้ต้นยางนาอยู่อย่างยั่งยืน
เจ้าภาพหลักต้องมีในแต่ละด้านและพื้นที่นั้นๆ ต้องเข้ามามีส่วนร่วม
ไม่ใช่คนหนึ่งดูแลอีกกลุ่มแอบทำลาย
ต้องให้ทุกคนรู้สึกหวงแหนและมีความสุขที่ได้ทำด้วย ตนยินดีจะมาร่วมขับเคลื่อนและควรมีการพูดคุยกันตลอดเพื่อเดินหน้าไปได้
สำหรับในส่วนเวทีสภายางนา-ขี้เหล็ก
ครั้งที่ 2 นี้สภาฯได้ข้อสรุปร่วมกันว่า
เนื่องจากต้นยางนาและขี้เหล็กบนถนนสายเชียงใหม่ – ลำพูน
มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในสภาพวิกฤต
ภาคประชาชนและนักวิชาการจึงใคร่ขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้ ภารกิจแรก
ภารกิจเร่งด่วน ขอให้ดำเนินงานภายใน 1 เดือน
โดยเสนอให้คณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลฯ ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจอย่างเร่งด่วน
เพื่อจัดทำ Action plan ภายใน 1 เดือน
ที่มีแผนรายละเอียดครอบคลุมทั้งระบบรากและการดูแลกิ่งด้านบน รวมทั้งงบประมาณ
เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และกำลังคน เพื่อฟื้นฟูต้นยางนา-ขี้เหล็กที่มีสถานะต้องรักษาฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนสำหรับต้นยางนาและต้นขี้เหล็กทุกต้น
พร้อมกันนี้ให้มีมาตรการด้านความปลอดภัยของประชาชน
โดยเร่งจัดการเรื่องประกันอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับต้นยาง-ขี้เหล็ก เช่น
การประกันภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นต้น มีการปรับระบบกลไกการจัดการให้ชัดเจนทั้งการปลูก
การรักษาฟื้นฟู การตัด การใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ที่ตัดแล้ว
การจัดการกับตอไม้ที่ตัดไปแล้ว
ในด้านมาตรการด้านความปลอดภัยของต้นยางนา
ให้มีการสำรวจต้นยางนา-ขี้เหล็กที่มีสภาพวิกฤตอย่างด่วนภายใน 2
สัปดาห์ พร้อมทำข้อมูลแนวทางและวิธีการฟื้นฟูรักษา
เพื่อเสนอคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่
อนุมัติให้มีการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ก่อนเข้าสู่ช่วงพายุฤดูร้อน
และเสนอให้จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ตั้งงบประมาณและแผนงานรื้อถอนคอนกรีตไหล่ทางจากขอบจราจรสีขาวถึงเขตทางออกตลอดสายทั้งสองด้าน
เพื่อเตรียมการฟื้นฟูระบบรากในลำดับต่อไป
สำหรับภารกิจที่
2 เป็นภารกิจต่อเนื่อง
ให้มีการจัดทำรายละเอียดแผนภายใน 6 เดือน
โดยเสนอให้คณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่
แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนแม่บท
โดยปรับปรุงจากแผนฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยจังหวัดเชียงใหม่ ที่เคยจัดทำขึ้นเมื่อปี 2558
ทั้งนี้ได้เสนอให้แผนแม่บทต้องมีรายละเอียดในการสร้างการมีส่วนร่วม
ออกแบบกระบวนการ จัดเวทีสาธารณะ และอื่นๆ
เพื่อให้ได้มาซึ่งพิมพ์เขียวของถนนยางนา-ขี้เหล็กที่ครบทุกมิติ
ให้ทุกภาคส่วนเห็นภาพระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างชัดเจน
การออกแบบแผนการจัดการถนนยางนา-ขี้เหล็กทั้งระบบ (งาน เงิน คน) และแหล่งงบประมาณ
โดยการระดมจากหลายๆ ภาคส่วน
เมื่อได้แผนแม่บทแล้ว
ให้เสนอแผนดังกล่าวข้างให้รัฐบาลดำเนินการ
ควบคู่กับการเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาขีดความสามารถของท้องถิ่นไปพร้อมๆ กัน
เมื่อแผนแม่บทดำเนินการเสร็จ รัฐควรต้องจัดสรรงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการ
ผ่านองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และผ่านกองทุนยางนา
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้
เวทีสภายางนา-ขี้เหล็ก ยังเสนอให้พัฒนากลไกร่วมทั้งแผนงานและงบประมาณในพื้นที่
ทั้งส่วนของอำเภอ อปท. ทสจ. เครือข่ายอาสา
โดยให้มีการออกตรวจตราการไม่ดำเนินการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่ตำบลวัดเกต
ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี
อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
พ.ศ. 2558 อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการเผยแพร่ความรู้
และกระบวนการจัดการต้นยางนา ถ.เชียงใหม่-ลำพูนแก่สาธารณะ โดยเสนอให้
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หมอต้นไม้อาสา มหาวิทยาลัยแม่โจ้
เครือข่ายเขียวสวยหอม สื่อมวลชน ฯลฯ
ร่วมกันเผยแพร่ความรู้ ทำความเข้าใจกับประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่
ทั้งนี้ควรจัดให้มีการสื่อสารสาธารณะตลอดเวลาในทุกมิติ
และเสนอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพผลักดันหลักสูตรท้องถิ่น
เพื่อพัฒนาคนในพื้นที่
ในส่วนงานที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ
เวทีเสนอให้ อบจ.เชียงใหม่ ดำเนินงานจัดจ้างบริษัทดูแลต้นยางนาตามแนวทางดังนี้
ดำเนินการตามวงจรการบริหารจัดการต้นไม้ริมถนน (Street trees management
cycle) โดย จัดจ้างบริษัทภาคเอกชน
โดยการประมูลไม่ใช้ราคากำหนด แต่ให้ประมูลโดยการเสนอผลงานและแนวทางปรับปรุงแก้ไขต้นไม้ริมถนน
หากผลงานดีขยายเวลาจ้างต่อ เป็นต้น
และให้แต่ละบริษัทมาอบรมและประกวดตัดแต่งต้นไม้พร้อมกัน
คัดเลือกต้นไม้ที่ตัดแต่งดีที่สุดและใช้ต้นนั้นเป็นมาตรฐานหรือแบบในการตัดแต่งต่อไป
หรือจำต้องให้
อปท.มีหน่วยรุกขที่ดูแลด้านต้นไม้ขึ้นมาโดยเฉพาะจะได้บริหารจัดการอย่างคล่องตัวด้วย
นอกจากนี้มีการประชุมทุกเดือนกับบริษัทเพื่อพิจารณาแต่ละฤดูกาลควรจะดูแลรักษาต้นไม้อย่างไร พร้อมกันนี้ให้บูรณาการองค์ความรู้ในการพัฒนาท้องถิ่นมิติต่างๆ
ที่ได้มีการศึกษาวิจัยอยู่แล้ว
เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนบนถนนหลวงสาย 106
เชียงใหม่-ลำพูน อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การจัดเวทีร่วมเพื่อนำผลวิจัยจากชุดโครงการท้าทายไทย
โดยมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
มาบูรณาการกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั้งแผนงานและงบประมาณ
เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่รอบด้านทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยได้ยื่นแนวทางของสภาฯให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้พิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางขับเคลื่อนต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น