อุตสาหกรรมเดินหน้าดันโปรเจค'เปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล'เร่งการเติบโต SMEs ภาคเหนือด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ยกระดับภูมิภาคด้วย Nes S-Curve

อุตสาหกรรมเดินหน้าดันโปรเจค'เปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล'เร่งการเติบโต SMEs ภาคเหนือด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 ยกระดับภูมิภาคด้วย Nes S-Curve เชื่อจะสร้างความเข้มกระตุ้น ศก.ฐานรากดันเพิ่มกว่า 500 ล้าน

เชียงใหม่ 6 มี.ค.-ที่ห้องประชุมชั้น 5 @Nimman  Convention Centre โรงแรม ยูนิมมาน เชียงใหม่ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีปิดโครงการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล (Business Transformation to Digital Firm) และโครงการเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการจากกระบวนการ Spin-Out และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง (SMEs Spin-Out to Tech Startup) พร้อมมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ผ่านโครงการ จำนวน 64 ราย เตรียมความพร้อมยกระดับเศรษฐกิจภุมิภาคด้วย New S-Curve โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ในฐานะองค์กรผู้ผลักดันศักยภาพของ SME และ start up และมีนางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เชียงใหม่ รายงานถึงโครงการ และการดำเนินงานในโครงการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล (Business transformation to Digital) perm และโครงการเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการจากกระบวนการ Spin-Out และวิสาหกิจเริ่มต้น Start Up ที่มีศักยภาพสูง

ในการนี้ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากยุทธศาสตร์การยกระดับเศรษฐกิจ โดยยึดหลักโมเดลการพัฒนาประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวสู่การเป็นประเทศเศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy) นั้น จึงมอบนโยบายให้ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 เป็นหน่วยปฏิบัติในการเร่งผลักดันให้เกิดการนำความคิดสร้างสรรค์ไปใช้และปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมเพื่อเสริมสร้าง SMEs สู่การเป็น Smat Enterprises โดยจับมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะหน่วยงานร่วมดำเนินการและผลักดันให้เกิดการสร้างและพัฒนาธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จัดกิจกรรมโครงการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล (Business Transformation to Digital Firm) และโครงการเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการจากกระบวนการ Spin-Out และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง (SMEs Spin-Out to Tech Startup) เพื่อยกระดับการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการในภาคเหนือสู่องค์กรดิจิทัล พร้อมเร่งการเติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทใหม่ให้เป็นธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ (Tech Startup) ที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล เป็นโครงการภายใต้โครงการตามหลักเกณฑ์การส่งเสริมและพัฒนาเอสเอ็มอีของกองทุน แนวทางที่ 3 โครงการพิเศษ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ 2561 โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภาคการผลิตและบริการในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน) ที่มีศักยภาพสามารถยกระดับการประกอบธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัล สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบนผ่านหลักสูตรการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอย่างเข้มข้น จำนวน 168 ชั่วโมง ผ่านกลไกกิจกรรมการเรียนรู้จากประสบการณ์และการลงมือปฏิบัติจริงในการทำแผนเปลี่ยนถ่ายสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation Plan) กับที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่องค์กรดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยสามารถสร้างผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการนำแผนกลยุทธ์องค์กรไปปรับใช้กับธุรกิจได้ถึง 52 ราย จะมียอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1 ล้านบาท ส่งผลให้ภายในระยะเวลา 3 ปี จะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท
สำหรับโครงการเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการจากกระบวนการ Spin-Out และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีศักยภาพสูง (SMEs Spin-Out to Tech Startup) เป็นโครงการที่สร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ ให้มีความพร้อมแบบก้าวกระโดดในการร่วมทุนกับนักลงทุนขนาดใหญ่ (Venture Capital) ภายใต้กลไกในการผลักดัน Startup ในรูปแบบใหม่ โดยผู้เข้าร่วมโครการที่ผ่านการพิจารณาในด้านศักยภาพจำนวน 32 ราย จะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิคการนำเสนอโมเดลธุรกิจในรูปแบบของสตาร์ทอัพ (Pitching) จากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ และโอกาสในการโชว์ผลงานแก่ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปจากกิจกรรม Exhibition Showcase ก่อนคัดเลือกรอบสุดท้ายเพียง 12 ราย เพื่อรับคำปรึกษาเชิงลึกแบบส่วนตัวจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับประเทศและสากล การเป็นพี่เลี้ยง (Brotherhood) เป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ และร่วมกิจกรรมการแข่งขัน Startup Pitching Challenge เพื่อเฟ้นหาทีมที่มีรูปแบบธุรกิจที่มีศักยภาพ ตลอดจนได้เข้าถึงแหล่งทุนรายใหญ่ในกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจแบบส่วนตัว (Personal Business Matching) ทั้งนี้ คาดว่าทั้ง 12 กิจการ จะมีรายได้รวมกันไม่น้อยกว่า 360 ล้านบาท เกิดการจ้างงานแบบ Skill Labor จำนวน 200 คน คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท และจะมีนักลงทุน (Venture Capital) สนใจลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท หรือประมาณ 5 กิจการ คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งหมดประมาณ 500 ล้านบาท.




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน