TCELS จับมือ อุทยานวิทย์ฯ มช. เปิดตัวโครงการ “การพัฒนาพื้นที่สุขภาพดิจิตอลภาคเหนือเพื่อการขับเคลื่อนสู่เชียงใหม่เมืองสุขภาพ" มุ่งสู่ medical Hub ของเอเชีย 


TCELS จับมือ อุทยานวิทย์ฯ มช. เปิดตัวโครงการ “การพัฒนาพื้นที่สุขภาพดิจิตอลภาคเหนือเพื่อการขับเคลื่อนสู่เชียงใหม่เมืองสุขภาพ" สร้าง Deep Tech Startup ตอบโจทย์แก้ปัญหาด้านสุขภาพ เตรียมพร้อมยกระดับเวชนครเชียงใหม่ จับสถานการณ์ฝุ่นพิษเป็นโอกาส

เชียงใหม่- 12 มีนาคม 2562 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (TCELS) ร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(STEP CMU) จัดพิธีเปิดตัวโครงการ “การพัฒนาพื้นที่สุขภาพดิจิตอลภาคเหนือเพื่อการขับเคลื่อนสู่เชียงใหม่เมืองสุขภาพ" (Northern Digital Health Revolution to Chiang Mai Medical and Health Hub) ภายใต้แนวคิด Make Healthcare Driven by Innovation โดยมี ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (TCELS) เป็นประธานกล่าวเปิดงานที่ @Nimman Convention Centre โครงการ One Nimman จ.เชียงใหม่ โดยมี ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวรายงาน ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองสุขภาพที่มีบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครบครัน ส่งเสริมสุขภาวะและคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาด้านสุขภาพของคนในจังหวัดผ่านเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศ โดยผู้ประกอบการและ Startup ของภาคเหนือที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะปัญหา วิกฤตหมอกควัน มลพิษทางอากาศขณะนี้ ถือเป็นโอกาส สำคัญ ในการ ดูแลเรื่องของสุขภาพ ภายใต้โครงการนี้ 


ทั้งนี้ ในงานดังกล่าวยังได้จัดกิจกรรมบรรยายพิเศษภายใต้หัวข้อ The Future of Healthcare is Digital โดยเชิญ ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ ผู้สร้างชื่อให้กับโรงพยาบาลปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ด้วยการเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับสูงในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับบริการดูแลผู้ป่วย เทียบชั้นกลุ่มโรงพยาบาลชั้นนำของโลก พร้อมจุดแสดงผลงานนวัตกรรมการแพทย์และสุขภาพเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจอีกด้วย
ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือและจังหวัดเชียงใหม่นับเป็น Ecosystem ที่ดีในการพัฒนาพื้นที่สุขภาพดิจิตอล เพราะเป็นจังหวัดยอดนิยมในด้านการท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นทางด้านธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม และเอกลักษณ์ของความเป็นล้านนา อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ยังมีความตื่นตัวและสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เชื่อมโยงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขรวมถึงนักลงทุนเพื่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาทางด้านสุขภาพและสาธารณสุขได้จริง โดยเป็นผู้นำการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครบวงจร พร้อมรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ของประเทศไทยในอนาคต อีกทั้งศักยภาพความพร้อมทางด้านต่างๆ ก็จะสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาในด้านนี้ไปได้ด้วยดีซึ่งก็คาดหวังว่า จะสามารถดำเนินการให้เป็นผลทางรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ การสร้างรากฐานให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์ ไปสู่การพึ่งพาตัวเองได้จริง ถือว่าภาคเหนือและเชียงใหม่ มีโครงสร้างต่างๆ รวมถึงความพร้อม เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค การดำเนินการโครงการนี้ สามารถที่จะพัฒนาขึ้นเป็นเมืองเวชนคร เพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ กับชุมชน ซึ่งหากโครงการประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาระบบสาธารณสุขการมีส่วนร่วมก็ยังสามารถสร้าง startup ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งศูนย์ความเป็นเลิศวางแผนจะผลักดัน ให้เกิดศูนย์กลางการบริการทางการแพทย์ครบวงจรได้จริง เพื่อเป้าหมายของการเป็น medical Hub ของเอเชีย การสร้าง ecosystem ทางด้าน Life Science ให้มีความสมบูรณ์แบบทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ 
ขณะที่ ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ เป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งสร้างองค์ความรู้และงานวิจัยที่สำคัญ ผ่านกลไกผลักดันนำงานวิจัยจากรั้วมหาวิทยาลัยไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์ เชื่อมโยงภาคมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน (University Industry Linkage) โดยได้รับการสนับสนุนความร่วมมือจากคณะต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยซึ่งเกี่ยวข้องทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีผลงานวิจัยที่มีศักยภาพและเป็นประโยชน์ สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อคนเชียงใหม่และในพื้นที่ภาคเหนือ 
นอกจากนี้ อุทยานฯ ยังมีพันธกิจการบ่มเพาะผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ให้มีศักยภาพและมีความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับเทศและสากล โดยวางเป้าหมายในการทำโครงการฯ เพื่อกระตุ้นและผลักดันการสร้างสตาร์ทอัพทางด้านการแพทย์ (Medical and Healthcare Startup) ตั้งแต่ต้นน้ำ Upstream ซึ่งจะเป็นสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพโดยพัฒนามาจาก Core Technology หรืองานวิจัยในมหาวิทยาลัย ผ่านการพัฒนาต่อยอดร่วมกับเทคโนโลยีด้านดิจิทัล เกิดเป็นการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงการให้บริการและการใช้งาน โดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหาทางด้านการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้กับคนในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง โดยส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าเชิงเศรษฐกิจในพื้นที่และในระดับประเทศ ให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ตลอดจนพัฒนาให้เมืองเชียงใหม่มีความพร้อมในการเป็นเมืองสุขภาพครบวงจรและศูนย์กลางทางการแพทย์ด้าน Medical Hub และส่งเสริม Ecosystem ในการส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้าน Life Science ด้วย.




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน