"ประวิตร" ควง "วราวุธ"ขึ้นเชียงใหม่นำร่องปลูกป่าฟื้นฟูหลังฤดูเผา พร้อมสรุปบทเรียนปี 63 หาแนวทางเหมาะสมวางแผนรับมือปีต่อไปให้ยั่งยืนปัญหาต้องลดลง
รองนายกรัฐมนตรี”ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ลงพื้นที่เชียงใหม่ร่วมปลูกต้นไม้
ต้นแรก "ต้นตะเคียนทอง" เพื่อร่วมฟื้นฟูสภาพป่าที่เสียหายจากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้น
ภายใต้โครงการ “รวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว”
นำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่
พร้อมรับฟังผลสรุปถอดบทเรียนหาแนวทางจัดการรับมือในปีต่อไปเพื่อลดปัญหาอย่างยั่งยืน
ขอบคุณทุกส่วนที่ร่วมมือกันย้ำชัดรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจเรื่องนี้ “วราวุธ”นำทีมสรุปพร้อมย้ำว่า
กันยายนนี้ปกขาวแก้ปัญหาต้องเสร็จก่อนถึงฤดูเผาใหม่ปลายปีนี้
เชียงใหม่ 21 พ.ค. -ที่บริเวณเชิงป่าดอยสุเทพ (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า)
บ้านศาลา หมู่ที่ 3 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “รวมใจไทยปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว”
โดยเริ่มนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกไฟป่าเผาไหม้เป็นบริเวณกว้าง
ในพื้นที่ป่าดอยสุเทพ รวมเนื้อที่รวม 210 ไร่ จำนวน 1,300
ต้น โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายจตุพร
บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงฯ
หน่วยงานภาครัฐ ทหาร ตำรวจ ภาคเอกชน และประชาชน ในพื้นที่ กว่า 300 คน
ร่วมปลูกต้นตะเคียนทอง และกระจายปลูกพร้อมกันทั้ง 25
อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ในคราวเดียวกันนี้ด้วย พร้อมกันนี้ ได้มอบกล้าไม้มีค่า
ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการและแขกผู้มีเกียรติ
เพื่อนำไปปลูกขยายผลฟื้นฟูสภาพป่าที่เสียหายจากสถานการณ์ไฟป่า
ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อันจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวต่อไป
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการปลูกฟื้นฟูสภาพป่าในประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่
9 และรัชกาลที่ 10
เพื่อให้มีต้นไม้ยืนต้นในประเทศเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการบุกรุกป่าและปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว
และสนับสนุนให้ประชาชนได้มีการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ของตนเอง
เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการปลูกต้นไม้มีค่าซึ่งสามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในอนาคตและเป็นสมบัติให้กับครอบครัวได้
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้
มีเจตนารมณ์สำคัญ คือ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้ทุกคนมีความรักหวงแหนทรัพยากรป่าไม้และแสดงถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน
เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสียหายจากสถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงทะเบียนปลูกต้นไม้ในโครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
โดยการร่วมลงทะเบียนปลูกต้นไม้แห่งความจงรักภักดีภายใต้ชื่อ "รวมใจไทย
ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน" สืบสานสู่ 100 ล้านต้น
ผ่านเว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th อีกช่องทางหนึ่งด้วย
ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะมาร่วมรับฟังผลสรุปของการถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหาของ
9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนและให้นโยบาย หลังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้จัดเวทีระดมความเห็นและแนวทางจากทุกภาคส่วนระหว่าง
19-21 พ.ค.ที่ผ่านมาที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โดยมีนายวราวุธ ได้นำสรุปผลการจัดเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน
(After Action Review : AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ
ภายใต้หัวข้อหลัก “การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน”ครั้งนี้ พร้อมได้น้ำว่าแผนงานและแนวทางทั้งหมดจะสรุปชัดเจนภายในเดือนกันยายนเพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ในห้วงเดือนธันวาคมต่อไป
ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี
ได้กล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจ
พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้ก้าวไปสู่เป้าหมายการดำเนินการ
ดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จะต้องมีความต่อเนื่อง
แม้ว่าสถานการณ์จะผ่านพ้นไปแล้ว ก็ต้องเตรียมพร้อม วางแผน และกำหนดมาตรการ
ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดไปโดยเร็วและยั่งยืน โดย
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนืออย่างยั่งยืน ให้เป็นรูปธรรม
และนำเสนอ คณะรัฐมนตรี ต่อไป 2.
จัดชุดพิทักษ์ป่าประจำหมู่บ้าน ในหมู่บ้านเสี่ยงไฟป่าของ ๙ จังหวัดภาคเหนือ
เพื่อให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า และสนับสนุนการดับไฟป่า โดย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และ หน่วยทหารในพื้นที่
พร้อมทั้ง จัดอบรมให้ความรู้กับชุดพิทักษ์ป่าและจิตอาสาพระราชทาน อย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับการดูแลป่า และการดับไฟป่า เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้
อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
3. ให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือที่เพียงพอ
สำหรับการปฏิบัติการดับไฟป่า การอนุรักษ์ป่า การบริหารจัดการเชื้อเพลิง
และการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน โดย ทุกหน่วยงาน ต้องให้ความสำคัญ
เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชน 4. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยให้
ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และให้ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุน ในการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา
ไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัด รวมถึง แผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง
และการจัดระเบียบการเผา ให้เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพปัญหา โดยให้ทุกภาคส่วน
เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ต้องมีตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน สำหรับหน่วยงานส่วนกลาง
จังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ ที่ชัดเจน และสามารถประเมินผล การปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม
5. จังหวัดและหน่วยงานส่วนกลาง
ต้องทำให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ
ถึงความพยายามและแนวทางการดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา
และพร้อมให้ความร่วมมือ เป็นเครือข่ายในการอนุรักษ์ป่า โดยเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยทหาร ต้องทำงานร่วมกัน
ในการสื่อสารสร้างการรับรู้ ให้เข้าถึงระดับหมู่บ้าน 6.
เปลี่ยนผู้มีพฤติกรรมการเผาป่า และบุกรุกทำลายป่า ให้เป็น เครือข่ายดูแลรักษาป่า
ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยทหาร สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้ความรู้ ส่งเสริมอาชีพและการเกษตร
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาสและส่งเสริมบทบาท
ในการเป็นจิตอาสาและเครือข่ายในการดูแลป่า เฝ้าระวังและดับไฟป่า
ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ และ 7.
ร่วมมือกับอาเซียน แก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างยั่งยืน
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ
หารือกับประเทศอาเซียน ให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
และผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และให้กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดชายแดน
สร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังและต่อเนื่อง.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น