เชียงใหม่
แถลงสรุปภาพรวมการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ COVID-19 ในห้วงที่ผ่านมา
หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นพร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนการ์ดอย่าตกภายใต้วิถีชีวิตแบบ
New Normal
เชียงใหม่ 16 มิ.ย.-ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
และนายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน ด้านระบาดวิทยา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์
COVID-19
ของจังหวัดเชียงใหม่ ในห้วงที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันที่สถานการณ์ดีขึ้น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ก้าวข้ามจุดที่ยากที่สุดมาแล้ว
และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อให้อยู่ในวงที่จำกัดได้ ซึ่งนับว่ามีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนน้อยหากเปรียบเทียบกับจังหวัดขนาดใหญ่ของประเทศ
ซึ่งเชียงใหม่มีความตื่นตัว
และเริ่มมีมาตรการในการป้องกันและคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงทันทีภายหลังจากที่มีการแพร่ระบาดในต่างประเทศ พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมได้อย่างทันเวลา
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.
นับเป็นความตื่นตัวและร่วมใจกันปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงผ่อนคลายมาตรการแล้ว แต่ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนยังคงปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด
พร้อมปรับตัวในการใช้ชีวิตประจำวันแบบ New Normal เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่อไป
ขณะเดียวกัน
ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและป้องกันโควิด - 19
อย่างต่อเนื่อง โดยได้ตรวจเชื้อกับคนที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการไปแล้วกว่า 7,000
ราย พร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนอย่าประมาท
ถึงแม้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันมากว่า 1 เดือนแล้ว
ก็ยังคงต้องรักษาระยะห่าง หมั่นล้างมือและใส่หน้ากากอนามัยตามข้อแนะนำแพทย์
สำหรับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด
พบว่า ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน มีนักท่องเที่ยวมาเยือนประมาณ 2.15 ล้านคน
ลดลงร้อยละ 41.16 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562
และประมาณการรายได้จากการท่องเที่ยวลดลงประมาณร้อยละ
46.79 ซึ่งสาเหตุก็มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19
ที่ส่งผลกระทบให้สถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวบางแห่งต้องเลิกกิจการไป
ในส่วนของภาวะเศรษฐกิจทางด้านการค้าตามมาตรการผ่อนปรนล่าสุกก็พบว่า
ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ตลาดสด ขยายตัวรวมกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 - 39 เพราะประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้น
จนทำให้สินค้าบางรายการขาดตลาดในช่วงแรกๆ เช่น ไข่ไก่ นม น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูป
ประกอบกับร้านอาหารที่จำเป็นต้องใช้สินค้าอาหารสดในการประกอบอาหาร
ยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามขณะนี้ในภาพรวม
สินค้าอุปโภคบริโภคมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและไม่มีการกักตุน
ทั้งนี้ทางจังหวัด ได้เน้นย้ำให้ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า
หรือสถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรน ยังคงมาตรการที่เข้มงวดในการดูแลลูกค้า
โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัย ความสะอาด ให้ความมั่นใจกับลูกค้า ได้แก่
การกำหนดให้มีการลงทะเบียนในแอพลิเคชั่น
“ไทยชนะ” และมีการติดสติ๊กเกอร์กำหนดจุดเพื่อเว้นระยะห่างทางสังคมตามมาตรการ
Social Distancing ในโซนต่างๆ
อย่างเคร่งครัด เชื่อว่าทุกคนช่วยกันทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น