สร้างอาวุธทางปัญญาสู่สัมมาชีพ "โรงเรียน-โรงงาน" การศึกษาคู่ขนาน ปั้นเด็กอาชีวะทวิภาคี

โรงเรียน-โรงงาน การศึกษาคู่ขนาน ปั้นเด็กอาชีวะทวิภาคี เยอรมนี ถือเป็นประเทศต้นแบบของการจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษา โดยรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากกับการศึกษาด้านวิชาชีพและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้มีแรงงานที่เพียงพอและมีคุณภาพในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภาคการผลิตที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศเลยก็ว่าได้ รัฐบาลเยอรมนีจึงให้น้ำหนักในการสนับสนุนการศึกษาสายอาชีวะไม่แพ้สายสามัญหรือระดับปริญญาตรี เพื่อผลิตแรงงานฝีมือที่มีคุณภาพ ในปี 2010 ภาครัฐของเยอรมนีทุ่มงบประมาณในการสนับสนุนอาชีวศึกษาและการฝึกงานถึง 7,000 ล้านยูโร โดยใช้งบจากรัฐบาลกลาง ท้องถิ่น และภาคอุตสาหกรรม งบเหล่านี้ทุ่มให้กับหลักสูตรอาชีวศึกษาในระบบคู่ขนาน (dual system) หรือที่เรียกกันว่า ‘ทวิภาคี’ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติและลงมือทำ ทั้งยังเป็นหลักสูตรที่เน้นให้นักเรียนอาชีวะทุกคนต้องเข้ารับการฝึกงานกับบริษัทต่างๆ เพื่อเรียนรู้งานและพัฒนาทักษะเฉพาะด้านให้เชี่ยวชาญยิ่งขึ้น ปี 2013 จำนวนวิทยาลัยอาชีวะในเยอรมนีมีทั้งหมด 1,559 แห่ง มีนักเรียนเข้าเรียนในสถาบันอาชีวะถึง 1.4 ล้านคน และมีการรับรองวุฒิการศึกษาให้แก่นักเรียนถึง 342 วิชาชีพ ทั้งยังมีบริษัทเกือบ 500,000 บริษัท หรือ 23 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เข้าร่วมโครงการฝึกงานให้กับนักเรียนจากวิทยาลัยอาชีวะ ตัวอย่างเช่น บริษัท Mercedes-Benz ที่แต่ละปีมีการรับนักเรียนเข้าฝึกงานถึง 2,000 คน หรือแม้แต่บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ทางสายตาอย่าง Zeiss ยังกล่าวด้วยว่า บริษัทไม่สามารถย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นได้ เพราะประเทศเหล่านั้นไม่มีแรงงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างเยอรมนี เป็นต้น สำนักงานวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรของไทย เผยข้อมูลว่า ในปี 2557 อัตราการว่างงานของเยาวชนเยอรมนีในช่วงอายุ 14-25 ที่จบการศึกษาด้านวิชาชีพในระบบทวิภาคีมีอยู่เพียง 7.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือได้ว่ามีอัตราต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป อย่างสเปนและกรีซที่มีเยาวชนว่างงานถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ การศึกษาแบบทวิภาคีเป็นหลักสูตรภายใต้ความร่วมมือระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐจะเป็นผู้สนับสนุนเรื่องงบประมาณและกำหนดนโยบายในภาพรวม ส่วนภาคเอกชน มีสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมเยอรมนี (DIHK: Der Deutsche Industrie - und Handelskammertag) เป็นองค์กรหลักในการเชื่อมต่อระหว่างภาคเอกชนกับสถาบันวิชาชีพ โดยบริษัทหรือสถานประกอบการภาคเอกชนที่สนใจรับนักเรียนอาชีวะไปฝึกงานจะต้องสมัครเป็นสมาชิกกับทาง DIHK กฎหมายการฝึกงานอาชีวศึกษาของเยอรมนี กำหนดให้มีความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น และภาคธุรกิจ เพื่อจัดให้มีการฝึกงานแก่นักศึกษาในสาขาวิชาชีพที่ได้รับการรับรองระดับชาติ โดยนักศึกษาที่ผ่านการฝึกงานจะได้รับใบรับรองคุณวุฒิจาก DIHK และยังสามารถใช้ใบรับรองนี้ยื่นเข้าสมัครงานกับสถานประกอบการที่ตนเองสนใจ หรือกระทั่งสามารถทำงานกับสถานประกอบการที่ตนฝึกงานได้ทันทีหลังจบการศึกษา ระบบการศึกษาแบบคู่ขนานนี้ยังช่วยให้สถานประกอบการเชื่อมั่นในใบรับรองการฝึกงานที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และยังช่วยประหยัดงบในการรับพนักงานใหม่ เพราะการจ้างนักเรียนที่ผ่านการฝึกงานมาแล้ว นักเรียนเหล่านี้จะมีทักษะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทวิภาคีของเด็กอาชีวะไทย ระบบทวิภาคีของไทยเริ่มขึ้นจากการสนับสนุนของรัฐบาลเยอรมนีที่ให้การช่วยเหลือกรมอาชีวศึกษาในการดำเนินการทดลองจัดการศึกษาในระบบ ‘โรงเรียน-โรงงาน’โดยมีการจัดระบบและรูปแบบการฝึกงานจากองค์การ GTZ (Deutsche Gesellschaft Fuer Teche Zusammenarbeit) ต่อมาในปีการศึกษา 2535 ได้เปลี่ยนชื่อการจัดการศึกษาจากระบบโรงเรียน-โรงงาน เป็นการจัดการฝึกงานระบบทวิภาคี (Dual Vocational Training: DVT)และได้รับการรับรองภายใต้พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 ทวิภาคีของไทยเป็นการจัดการศึกษาวิชาชีพที่เกิดจากข้อตกลงระหว่างสถานศึกษา ร่วมกับสถานประกอบการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ในการจัดหลักสูตรการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล โดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษา และอีกส่วนหนึ่งเป็นภาคปฏิบัติในสถานประกอบการ วันที่ 12 เมษายน 2560 นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับกระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการจัดตั้งหลักสูตรพัฒนาบุคคลและหลักสูตรการศึกษาสำหรับนักศึกษาและแรงงานที่ต้องการพัฒนาความรู้เพิ่มเติมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC (Eastern Economic Corridor) หรือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา อีกด้วย ศูนย์ประสานงานนี้ถือเป็นเป็นเครื่องมือในการยกระดับอาชีวศึกษาของไทย โดยนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวะทั้ง 3 จังหวัด จะได้เข้ารับการฝึกงานกับภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการในโครงการ EEC เพื่อลงมือปฏิบัติงานตามสายวิชาชีพโดยตรง สัดส่วนแรงงานและความต้องการแรงงานในพื้นที่ EEC ปี 2560-2564
ที่มา: ศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จากข้อมูลความต้องการแรงงานและจำนวนนักเรียนอาชีวศึกษาทั้ง 3 จังหวัด ในเขตพื้นที่ EEC ตั้งแต่ปี 2560-2564 มีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าความต้องการแรงงานอาชีวศึกษามีมากขึ้นทุกปี เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่มีผู้เรียนอาชีวะค่อนข้างน้อยมาก และหลังจากที่มีการจัดตั้งหลักสูตรอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีแล้ว จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้เข้าเรียนอาชีวะมีเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องในทิศทางเดียวกับความต้องการของตลาดแรงงาน การศึกษาแบบคู่ขนานหรือระบบทวิภาคีของไทย ถือได้ว่าเป็นการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษาได้อย่างมาก ภาคอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัดดังกล่าว ทำให้เด็กอาชีวะหรือนักเรียนสายวิชาชีพมีงานรองรับมากยิ่งขึ้น และในภายภาคหน้ารัฐบาลและสถานประกอบการจะต้องผลักดันระบบทวิภาคีนี้ให้กระจายไปยังทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้นักเรียนสายอาชีวะรวมทั้งนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เรียนจบออกมาแล้วมีงานรองรับโดยถ้วนหน้ากัน. อ้างอิง https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2560/hi2560-066.pdf https://www.salika.co/2020/08/25/vocational-education-revolution-2020/ http://eec.vec.go.th/th-th/ http://www.sbt.ac.th/new/sites/default/files/2%20ความเป็นมาของการศึกษาระบบทวิภาคี.pdf

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน