"บิ๊กตู่"ออกปากชมผลงานพื้นที่เชียงใหม่ ปากหวานได้เห็นความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่น และร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนทำเพื่อประชาชน เป็นเมืองต้นแบบที่ดี

นรม.ออกปากชื่นชมผลงานพื้นที่เชียงใหม่ ปากหวานชื่นใจได้เห็นความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่น และร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วนทำเพื่อประชาชน เป็นเมืองต้นแบบที่ดี ทำให้เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ว่าพร้อมที่จะปรับตัวและเปลี่ยนผ่านท่ามกลาง “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลก” ได้เป็นอย่างดี
เชียงใหม่ 30 มิ.ย.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha”วันนี้ว่า วานนี้(29 มิ.ย.)ผมได้มีโอกาสดีอีกครั้ง ในการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการทำงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งนอกจากจะได้รับทราบความคืบหน้าโครงการต่างๆ แล้ว ผมยังสัมผัสได้ถึงความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่น และร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ที่ได้บูรณาการกันสร้างความเข้มแข็งในทุกๆ กิจกรรม และทุกระดับอย่างน่าชื่นชม ยกตัวอย่างเช่น 1. โครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยสถานีตำรวจภูธรสารภี ซึ่งสร้างกลไกและระบบการทำงานสำคัญๆ ได้แก่ (1) เน้นการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งของชุมชน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ประชาชน ภาคประชาสังคม รวมทั้งสถานประกอบการ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (2) มุ่งการปราบปรามเชิงรุก ลดความต้องการในพื้นที่ โดยค้นหาผู้เสพรายเก่านำเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูและป้องกันผู้เสพรายใหม่ (3) ส่งเสริมกระบวนการชุมชนบำบัด ให้ความสำคัญกับการคืนคนดีสู่สังคม และ (4) มีการประเมินผล มีตัวชี้วัดชัดเจน เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานการแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ซึ่งผมเห็นว่าหากสามารถความเข้มแข็งในระดับตำบลทุกแห่งได้ ประเทศชาติก็จะเข้มแข็ง ปลอดภัยจากยาเสพติดได้ในภาพรวม ในที่สุด 2. การยกระดับระบบการบริหารและบริการสาธารณะ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ของเทศบาลเมืองแม่เหียะ ที่ได้รับการรับรองเป็นเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (Maehia Municipality to Smart City) จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ซึ่งประกอบด้วย (1) การพัฒนาแพลตฟอร์มระบบข้อมูลเมือง (City Data Platform) เตรียมเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) สำหรับการบริหารงานเมืองและให้บริการประชาชน (2) การสร้างกลไกการพัฒนา "เมืองอัจฉริยะ" (Smart City) และต้นแบบธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุนเชิงพื้นที่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ (3) การพัฒนาท้องถิ่นดิจิทัล ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี Blockchain ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม โปร่งใส และลดความเหลื่อมล้ำของคนในชุมชน และ (4) การสร้างแพลตฟอร์มการพัฒนาเมืองน่าอยู่ และศูนย์บริการเป็นเลิศเทศบาลแนวใหม่ เช่น เปิดช่องทางร้องเรียน อนุมัติ อนุญาต แบบออนไลน์ ทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 24 ชั่วโมง เป็นต้น โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือและความเข้มแข็งของคนในพื้นที่ ซึ่งผมเห็นว่าสามารถเป็นโมเดลการพัฒนาเมืองให้กับท้องถิ่นอื่นๆ ของไทยได้เป็นอย่างดี สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนนั้น มีแนวโน้มการขยายตัวของเมืองอีกมาก โดยปัญหาในอนาคตที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สนับสนุนทุกกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งน้ำกิน-น้ำใช้ ทั้งภาคเกษตรกรรม-อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว โดยครั้งนี้ ผมได้ติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญๆ ที่คาดว่าจะเสริมศักยภาพของเมืองได้ ในอนาคตได้อีก 20 ปีข้างหน้า ได้แก่ (1) อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง – แม่งัด สำหรับเติมน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เฉลี่ย 113 ล้าน ลบ.ม./ปี (2) อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด – แม่กวง สำหรับเติมน้ำให้เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เฉลี่ย 47 ล้าน ลบ.ม./ปี โดยภาพรวมทั้ง 2 โครงการ มีความคืบหน้ากว่า 68% เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพพื้นที่ชลประทาน 175,000 ไร่ เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้ง จาก 17,060 ไร่ เป็น 76,129 ไร่ ตลอดจนมีระบบโทรมาตรและระบบเตือนภัยน้ำท่วม/น้ำหลากล่วงหน้าอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้เป็นหนึ่งในอีกหลายการลงทุนเพื่ออนาคตของรัฐบาล ที่มุ่งสนับสนุนการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้แล้ว ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน FTI Expo 2022 – Shaping the Future Industry ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมระดมพลัง เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมของประเทศ โดยมีหลักการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่อง ได้แก่ (1) การมุ่งสร้างอุตสาหกรรมไทย ให้เป็น Smart Industry โดยเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามที่รัฐบาลกำหนด (2) การยกระดับธุรกิจ สร้างเศรษฐกิจยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนา BCG Model ที่รัฐบาลส่งเสริมและผลักดันในเวทีระดับโลก (3) การส่งเสริมสินค้าไทย ภายใต้สัญลักษณ์ "Made in Thailand" และ (4) การยึดแนวคิด “การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน” (ESG) ในการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่ละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม อย่างมีธรรมาภิบาล ซึ่งผมเห็นว่าหากทุกภาคส่วนมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ก็จะยิ่งทำให้เกิดพลังในการทำงานทุกระดับ โดยสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งในครั้งนี้ผมได้ติดตามการเสริมสร้างศักยภาพกำลังคนด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการสร้างความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองในอนาคต โดยได้ไปเยี่ยมชมการดำเนินกิจการของโรงเรียนวัดเวฬุวัน (สารภีชนานุกูล) ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนนำร่อง ที่จะพัฒนาไปสู่ "ศูนย์การเรียนรู้" แห่งศตวรรษที่ 21 โดยเน้นทักษะดิจิทัล ด้าน Coding, STEM, IoT และ AI รวมทั้ง Metaverse เป็นการสร้างรากฐานของสังคมไทย ให้พร้อมเติบโตไปสู่ "สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล" ในที่สุด ปัจจุบันมีการผนึกกำลังพันธมิตรภาคการศึกษา สามารถพัฒนาครู 4,700 คน และมีนักเรียนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 387,000 คน จากความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ ที่ผมได้มาพบเห็นเมื่อวานนี้ ทำให้ผมรู้สึกยินดีและเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ว่ามีความพร้อมที่จะปรับตัวและเปลี่ยนผ่านท่ามกลาง “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลก” ได้เป็นอย่างดี เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลได้วางไว้ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดต้นแบบศูนย์กลางความก้าวหน้าในส่วนภูมิภาค ที่มีศักยภาพสูง ทั้งบุคลากร ต้นทุนทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมที่จะพลิกโฉมเป็นเมืองอัจฉริยะ ฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดและภูมิภาครับการเปิดประเทศได้อย่างแน่นอน.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บสย. เผยผลค้ำประกันสินเชื่อปี 61 ยอดค้ำทะลุ 8.8 หมื่นล้านบาท แผนปี 62 ปั้น "New Business Model 2019" ตอบโจทย์ โลกเปลี่ยน ตั้งเป้าค้ำ 1.07 แสนล้านบาท

ม.เกษตรฯโดยวิทยุ ม.ก.คว้ารางวัลองค์กรดีเด่นวงการสื่อของ สวทท.เตรียมเข้ารับพระราชทาน"รางวัลเทพทอง"ของปีนี้

จัดยิ่งใหญ่ครบรอบก่อตั้ง 60 ปีสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ปลุกพลังวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงรับมือโลกแปรปรวน