ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพิ่มโทษจำเลยหมิ่นประมาทโหร คมช.จ่ายค่าเสียหายเพิ่ม
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เปิดเผยคำพิพากษา ความแพ่งคดี “อ.วารินทร์-โหร คมช.”ฟ้องหมิ่นประมาท เพิ่มโทษจำเลยชดใช้ความเสียหายตามศาลชั้นต้นจาก 2 แสนเป็น 5 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ย
เชียงใหม่ 31 มี.ค.- ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ ได้เปิดเผยคำพิพากษา ความแพ่ง คดีหมายเลขดำที่ พ ๓๒๒/๒๕๖๒ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๕๖๘/๒๕๖๒ ที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ (โหร คมช.)เป็นโจทก์ฟ้องนายปราโมทย์ สมัครการ เรื่อง ละเมิด โดยโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 2 ตุลาคม 2560) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จากที่ได้เรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ารวม 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิจารณาตามที่ฝ่ายโจทก์เห็นว่า ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีและความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายเพียง 200,000 บาท น้อยเกินไป สมควรกำหนดเสียใหม่ให้เหมาะสมจึงอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาแล้วคำร้องของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วนและต้องวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำของโจทก์ที่ให้จำเลยขอขมาโจทย์พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงลงหนังสือพิมพ์รายวัน อันเป็นการบรรเทาร้ายแก่การกระทำของจำเลยเพื่อให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์ได้กลับคืนดีเป็นการไม่ชอบหรือไม่ ซึ่งโจทย์อุทธรณ์ว่า จำเลยไม่เคยเยียวยาหรือบรรเทาผลร้าย การลงประกาศของจำเลยมุ่งแต่เป็นการขอโทษที่ไม่เหมาะสมหรือสมควรแก่เหตุและผลของการกระทำ โดยไม่ได้ชี้แจงถึงเหตุและผลหรือข้อเท็จจริงที่เกิดกรณีพิพาทแต่อย่างใด จึงสมควรกำหนดให้จำเลยขอขมาโจทย์อย่างชัดเจน
ศาลเห็นว่า การเยียวยาผู้เสียหายแก่ชื่อเสียงเมื่อพูดต้องเสียหายร้องขอศาลจะสั่งให้บุคคลผู้ทำให้เขาต้องเสียหายจัดการตามควรเพื่อให้ชื่อเสียงของผู้นั้นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหายหรือทั้งให้ใช้ค่าเสียหายด้วยก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 447 เมื่อศาลชั้นต้นพินิจว่า จำเลยลงประกาศขอขมาโจทย์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 2 ฉบับเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน เพื่อขอโทษโจทย์แล้ว ถือว่าจำเลยได้จัดการตามสมควรและเพียงพอ ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับคำพิพากษายกฟ้องของศาลชั้นต้นในประเด็นนี้และพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้เงิน 500,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องวันที่ 20 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาลแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความรวม 25,000 บาทเฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ลงประกาศวันที่ 30 มีนาคม 2566
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น