อธิการ มช.นำทีมประกาศก้าวสู่มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม สู่ทศวรรษที่ 7
มช. พร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 ของการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม วางวิสัยทัศน์ยกระดับรอบด้านสู่องค์กร Data Driven Enterprise บนสังคมโลกที่เปลี่ยน ตั้งเป้าปี'70 ช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจชาติก็ว่า 6 หมื่นล้านบาท
เชียงใหม่ 25 ธ.ค.- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แถลงข่าวประจำปี ฉลอง
ครบรอบ 60 ปี ประกาศพร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 ของการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำคณะผู้บริหารร่วมกันแถลงข่าวที่ รร.อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่โเยระบุว่า ในฐานะมหาวิทยาลัยแห่งแรกในส่วนภูมิภาคที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2508 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถือเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยในปี 2567 นี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ดำเนินงานผลิตบัณฑิตคุณภาพและสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมมาครบ 60 ปี
จากผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมากว่า 60 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีความก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นจนเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำลำดับต้นๆ ของประเทศและพร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการกำหนดวิสัยทัศน์ให้เป็น “มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม” และกำหนดเป้าหมายการบรรลุวิสัยทัศน์ในปี 2570 ไว้ 3 ประเด็น ได้แก่ 1) ได้รับการจัดอันดับจาก Time Higher Education University Impact Ranking (THE UIR) อยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก 2) ผลการประเมิน Socio-Economic Impact 60,000 ล้านบาท และ 3) ได้รับรางวัล Thailand Quality Class Plus (Innovation) :TQC+ (Innovation) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายวิสัยทัศน์ดังกล่าว มหาวิทยาลัยได้กำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างความยั่งยืน 6 ด้าน คือ ด้านนวัตกรรมเศรษฐกิจฐานชีวภาพ ด้านนวัตกรรมการแพทย์สุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ ด้านล้านนาสร้างสรรค์ ด้านการจัดการศึกษา ด้านการวิจัยและนวัตกรรม และด้านบริหารจัดการองค์กรเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนของมหาวิทยาลัยได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง มีผลงานที่เห็นถึงความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน อาทิ ระบบพลังงานอัจฉริยะบนเทคโนโลยี Blockchain ผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar rooftop) ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย 168 อาคาร สามารถทดแทนไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้ร้อยละ 17 ลดค่าไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 12.5 ล้านบาท/ปี และลดการปล่อยคาร์บอนกว่า 7,400 tCO2e/ปี
มหาวิทยาลัยประกาศตัวเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในประเทศไทย โดยมีการเปิดตัวโปรแกรม builds (CMU Startup & Entrepreneurial Platform) ขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการสร้างผู้ประกอบการ(Entrepreneurial University) โดยผลักดันให้นักศึกษาได้เรียนรู้และสร้างประสบการณ์ในการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย Kick-off ระบบการสนับสนุนการวิจัยขั้นแนวหน้าและงานวิจัยเชิงลึกแบบครบวงจร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีเป้าหมายในการนำงานวิจัยพื้นฐาน งานวิจัยขั้นแนวหน้า และเทคโนโลยีเชิงลึกต่อยอดสู่การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยให้ทุนสนับสนุนการวิจัยในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งมีโครงการสร้างเครือข่ายในรูปแบบของ “Consortiums” เพื่อสร้างงานวิจัยที่ตอบโจทย์ของการแก้ปัญหา ตลอดจนได้สนับสนุนและพัฒนานักวิจัยให้มีศักยภาพสูงและอยู่ในระบบในระยะยาว เพื่อเป็นฐานการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน ทั้งงานวิจัยขั้นแนวหน้าและเทคโนโลยีเชิงลึก การพัฒนาระบบเศรษฐกิจตามโมเดล BCG นอกจากนี้ยังสานต่อการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้ข้อมูล (Data Driven Enterprise)ผ่านการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภายในมหาวิทยาลัย อาทิ CMU Smart Surveillance ที่ใช้ข้อมูลสำหรับบริหารจัดการเมืองทั้งด้านความปลอดภัย ด้านการจราจร การเป็นผู้นำด้าน Smart Bio-agriculture และเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อน BCG ของประเทศ การปั้น Creative Startup ให้เกิดเป็นรูปธรรม พร้อมแบรนด์ล้านนาสร้างสรรค์สร้างการรับรู้ในวงกว้าง เดินหน้าเข้าสู่การวิจัยพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์ Electric Vehicle (EV) พร้อมทั้งนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยร่วมสร้างสังคมสุขภาพดีด้วยนวัตกรรมการแพทย์ ผลักดันให้เกิดย่านนวัตกรรมทางการแพทย์และสุขภาพของเชียงใหม่ ซึ่งมีการตั้งเป้าสู่เมืองศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Chiang Mai Medical Health Hub การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University) ภายในปี 2032 ในด้านการพัฒนาบุคลากรเป้าหมายปี 2567 จะมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะตาม IDP จาก 341 คน ในปี 2566 เพิ่มเป็น 1,800 คน ในปี 2567 ตลอดจนจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นตลอดทั้งปี ไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 เพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น