ราชบัณฑิตฯจัดเวทีแรกภาคเหนือประกวดเล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่น "เมืองไทยที่ฉันอยากเห็นคนไทยที่ฉันอยากเป็น"
ราชบัณฑิตยสภาจัดเวทีแรกที่ภาคเหนือประกวดเล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นเยาวชน”เมืองไทยที่ฉันอยากเห็น คนไทยที่ฉันอยากเป็น”คึกคัก ถ่ายสดผ่านวิทยุ ม.ก.ทุกแพลตฟอร์มทั้ง 4 ภูมิภาค นร.ลำปางคว้าชัย
นร.ลำปาง คว้าชัยเวทีเล่าเรื่องภาษาไทยถิ่นเหนือ ของราชบัณฑิตยสภา หัวข้อ”เมืองไทยที่ฉันอยากเห็น คนไทยที่ฉันอยากเป็น” ในโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย”ประจำปี 2567 หวังปลุกเยาวชนร่วมกันอนุรักษ์ภาษาไทยถิ่น รากเหง้าวัฒนธรรมชาติไทยให้ยั่งยืน
เชียงใหม่ 12 พ.ค.- ที่ห้องธาราทอง บอลลูน โรงแรมเซนทารา ริเวอร์ไซด์ โฮเทล อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สํานักงานราชบัณฑิตยสภาจัดการประกวดเล่าเรื่องหัวข้อ “เมืองไทยที่ฉันอยากเห็น คนไทยที่ฉันอยากเป็น” ด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาไทยถิ่น ในโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย” สำหรับนักเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. 1-3) จากโรงเรียนต่างๆในภาคเหนือ โดยมีนายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา และคณะกรรมการ แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรมและตัดสินผู้ชนะในรอบภาคเหนือ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(วิทยุ ม.ก.)ทั้ง 4 ภูมิภาคในทุกแพลตฟอร์มด้วย
นายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา กล่าวถึงการจัดการประกวดเล่าเรื่องหัวข้อ “เมืองไทยที่ฉันอยากเห็น คนไทยที่ฉันอยากเป็น” ด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาไทยถิ่นในโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ว่า หน้าที่หลักอย่างหนึ่งของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาตาม พ.ร.บ.ราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558 ฉบับปัจจุบัน ระบุไว้ข้อหนึ่งว่ามีหน้าที่ ศึกษา อบรมและพัฒนา “ภาษาไทย” ภาษาถิ่น การอนุรักษ์ภาษาไทยไม่ให้แปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อม เสริมภาษาไทยให้ปรากฎเด่นชัดยิ่งขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่เด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ในระดับฐานรากและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะครูภาษาไทยและครูประวัติศาสตร์ ซึ่งจะต้องได้รับเพิ่มเติมองค์ความรู้ในสาขาเพิ่มขึ้นอย่างมีคุณภาพ และตามพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. 2558
“สำนักงานราชบัณฑิตยสภามีหน้าที่ข้อหนึ่งคือจัดการศึกษาอบรมและพัฒนาทางวิชาการเกี่ยวกับภาษาไทย ภาษาไทยถิ่น สำนักงานราชบัณฑิตยสภา จึงได้จัดการประกวดเล่าเรื่องหัวข้อ เมืองไทยที่ฉันอยากเห็น คนไทยที่ฉันอยากเป็น ด้วยภาษาไทยมาตรฐานและภาษาไทยถิ่น เพื่อให้เยาวชนได้มีเวทีในการแสดงออกในการใช้ภาษาถิ่นของตนเอง และเป็นการอนุรักษ์การใช้ภาษาไทย และภาษาไทยถิ่นต่อไป” รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภากล่าวและว่า สำหรับเยาวชนที่เข้าร่วมการประกวดแข่งขันในปีนี้เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. 1-3) จากโรงเรียนต่าง ๆ ในแต่ละภาค โดยให้นักเรียนเล่าเรื่องด้วยภาษาถิ่นที่แสดงถึงความคิดเห็น ทัศนะ มุมมอง และความภาคภูมิใจที่มีต่อประเทศไทยและคนไทย ในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง หรือประเด็นที่ผู้เข้าประกวดสนใจ เช่น การมีรากเหง้าทางประเพณี วัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ การมีจรรยามารยาท ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือค่านิยมอื่นๆ ที่สืบเนื่องมาอย่างยาวนานและมีแนวทางที่จะสืบสานเรื่องดังกล่าวให้คงอยู่กับประเทศไทยได้อย่างไร ด้วยภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาไทยถิ่นภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือภาคใต้ (โรงเรียนที่อยู่ในภาคใต้ เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคใต้, โรงเรียนที่อยู่ในภาคเหนือ เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคเหนือ, โรงเรียนที่อยู่ในภาคอีสาน เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยถิ่นภาคอีสาน และโรงเรียนที่อยู่ในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก เล่าเรื่องด้วยภาษาไทยมาตรฐาน) โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากความสามารถในการใช้ภาษาถิ่น มีเนื้อหาที่ผู้ฟังประทับใจและมีลีลาในการเล่าเรื่องได้อย่างเป็นธรรมชาติสมวัย
อย่างไรก็ตามการประกวดแบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบแรก สํานักงานราชบัณฑิตยสภา ได้คัดเลือกจาก วีดิทัศน์ของแต่ละภาคให้เหลือภาคละ 10 คน รอบสุดท้าย ผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกในแต่ละภาค ต้องมาแสดงความสามารถในการใช้ภาษาถิ่นต่อหน้าคณะกรรมการ สำหรับการประกวดแข่งขันเล่าเรื่องภาษาไทยถิ่น ภาคเหนือในวันนี้ (12 พฤษภาคม 2567) ซึ่งเป็นเวทีแรกที่จัดขึ้น ผลการตัดสินของคณะกรรมการ รางวัลชนะเลิศของภาคเหนือ ได้แก่ เด็กหญิงธิดา สมัย โรงเรียนบ้านสบพลึง จังหวัดลำปาง รองชนะเลิศอันดับ 1 ด.ญ. กมลชนก สิทธะ โรงเรียนสันทรายวิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ และรองชนะเลิศอันดับ 2 ด.ญ. นิศาชล เบญจศิริ โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนที่เหลืออีก 7 โรงเรียนก็ได้รับรางวัลชมเชยพร้อมเกียรติบัตร
ทั้งนี้การประกวดดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติประจำปี 2567 ซึ่งนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ของแต่ละภาค จะเข้ารับรางวัลในงานวันภาษาไทยแห่งชาติของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ในวันอังคารที่ 30 กรกฏาคม 2567 ณ โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ ต่อไป
ด้าน ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุ ม.ก.กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะสำนักงานราชบัณฑิตยสภาที่ให้ความวางใจในการดำเนินการโครงการในแต่ละปีจนเป็นที่รับทราบ รวมทั้งสถานศึกษาต่างๆ ที่ได้ส่งนักเรียนเข้าร่วมด้วยดีมาทุกปี โดยภารกิจดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจการบริการสาธารณะของทางสถานี เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมถึงร่วมสืบสานต่อยอดความเป็นอัตลักษณ์ของไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามและภาษา ที่เป็นรากเหง้าสำคัญของความเป็นชาติ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม โดยหลังจากเสร็จสิ้นเวทีที่ภาคเหนือก็จะไปดำเนินการในภาคต่างๆ ต่อไป ที่ภาคใต้ในวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมต้นอ้อย
แกรนด์ จังหวัดสงขลา, ภาคกลาง ภาคตะวันออก และกาคตะวันตก ในวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท ศรีราชา แหลมฉบัง, ภาคอีสาน ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น