ชาวเชียงใหม่ได้เฮแล้วรับค่าล้างโคลน 10,000 หลังรอมานาน

ชาวบ้านพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ได้เฮ! รับค่าล้างโคลนหลังน้ำท่วมใหญ่แล้ว 30,000 ครัวเรือน เริ่มจ่าย 27 มี.ค.- 4 เม.ย. มูลค่าเกือบ 380 ล้านบาท

เชียงใหม่ 27 มี.ค. – วันนี้เป็นวันแรกของการจ่ายค่าเยียวยาค่าล้างโคลนจากภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ในพื้นที่ของเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ตั้งแต่ช่วง เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการชุมชนป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่แบะเกี่ยวข้องได้ตรวจเยี่ยมจุดมอบเงินเยียวยาค่าล้างโคลนสำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ช่วงปลายปี 2567 ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดทางจังหวัดได้รับอนุมัติงบประมาณ 378 ล้านบาทจากกรมบัญชีกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามเงื่อนไข โดยวันนี้ได้เริ่มจ่ายเงินค่าล้างโคลนล็อตแรก จำนวน 170 ล้านบาท ให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบซึ่งแต่ละครัวเรือนจะได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท โดยมีแผนทยอยจ่ายเงินให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ผ่านการตรวจสอบหมดแล้วจนถึงวันที่ 4 เมษายน 2568 นี้ สำหรับแผนการจ่ายเงินค่าล้างโคลนวันนี้เป็นชุมชนในแขวงเม็งรายประกอบด้วย ชุมชนช้างฆ้อง, ลอยเคราะห์, บ้านฮ่อม จำนวนครัวเรือนที่ได้รับเงิน 378 ครัวเรือน รับเงินทีาสำนักงานแขวงเม็งราย ในพื้นที่แขวงนครพิงค์มี ชุมชนป่าตัน, หมู่บ้านอุ่นอารี, ศรีมงคล, ป่าเป้า จำนวนครัวเรือนที่ได้รับเงิน 348 ครัวเรือน รับเงินที่ทำการชุมชนป่าตัน ในพื้นที่แขวงศรีวิชัยมี ชุมชนป่าห้า จำนวนครัวเรือนที่ได้รับเงิน 198 ครัวเรือน รับเงินที่ วัดเมืองลง

ซึ่งนอกจากค่าล้างโคลนครัวเรือนละ 10,000 บาทแล้ว ทางจังหวัดยังเตรียมงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายหนัก ซึ่งจะครอบคลุม ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ค่าซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าเครื่องนุ่งห่มและของใช้จำเป็นอีกจำนวนหนึ่งตามความเสียหายที่แท้จริงที่ผ่านการสำรวจและประชาคมของชุมชนแล้วทั้งนี้การพิจารณาและการจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจะขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของแต่ละครัวเรือน สำหรับประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิ์ในการรับเงินค่าล้างโคลน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานแขวงในพื้นที่ของตนเอง หรือ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดเชียงใหม่.