ชาวบ้านบุกศาลากลางทวงสัญญารัฐบาลแก้ปัญหา พรฎ.ป่าอนุรักษ์จัดเวทีคู่ขนานอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
ตัวแทนกลุ่ม สกน. - สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า - แนวร่วมปชช. เครือข่ายชาติพันธุ์ เคลื่อนพลปักหลักชุมนุมใหญ่ศาลากลางเชียงใหม่ ทวงสัญญา ‘รัฐบาลแพทองธาร’ หลังไร้ความคืบหน้าแก้ไขพ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ตั้งแต่ ครม.สัญจร ย้ำจัดเวทีคู่ขนานยื่นคำขาด 1 เมษายนไม่ชัดเจนจะยกระดับการชุมนุม
เชียงใหม่ 24 มี.ค.- กลุ่มชาวบ้านตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า พร้อมด้วยแนวร่วมประชาชน เครือข่ายชาติพันธุ์กว่า 2,000 คน นัดรวมพลกัน ณ สวนหลวง ร.9 ถนนโชตนา เพื่อตั้งขบวนเดินเท้าไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนปักหลักชุมนุมยาวไม่มีกำหนดจนกว่าข้อเรียกร้องทวงสัญญาจากรัฐบาลจะบรรลุ โดยมีประชาชนบางส่วนไปปักหลักรอบริเวณด้านในศาลากลางและทยอยมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคารศาลากลางจังหวัด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดรักษาความปลอดภัยตรึงกำลังอย่างหนาแน่นกว่า 40 นาย กลุ่มผู้ชุมนุมได้ป่าวประกาศบนรถขยายเสียงเน้นย้ำว่า "นี่คือเสียงประชาชนคนรากหญ้า คนเหมือนกันกับพวกท่าน ถ้าท่านจริงใจอยากให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ท่านต้องทำตามสิ่งที่ประชาชนสะท้อน การคุกคามในพื้นที่เกิดอย่างต่อเนื่อง เราไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ที่บ้านได้แล้ว“ ก่อนที่จะผู้ชุมนุมจะยื่นหนังสือไปถึง ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลงมารับหนังสือและพบปะประชาชน บริเวณที่ชุมนุมซึ่งมีการปราศรัยถึงเหตุผลความเดือดร้อนต่างๆรวมถึงการเจรจาที่ผ่านมาที่ยังไม่ได้ความชัดเจน ทางตัวแทนเจ้าหน้าที่ศูนย์ราชการจังหวัดพยายามเจรจาต่อรองยืดระยะเวลาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะลงมารับหนังสือ โดยแจ้งว่าจะเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นตัวแทนมารับหนังสือแทน ผู้ชุมนุมเริ่มกดดันขยับขบวนเข้าใกล้ประตูเข้า-ออกอาคารมากขึ้นหลังผ่านเวลานัดหมายสุดท้าย นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมส่วนราชการเกี่ยวข้องได้ลงมารับหนังสือก่อนเหตุบานปลาย โดยชี้แจงกับผู้ชุมนุมว่า หนังสือที่ทางสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าและแนวร่วมเครือข่ายประชาชน ยื่นเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา เรื่องขอให้รองนายกรัฐมนตรี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหานั้น ทางศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานไปยังปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการประสานและนำเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีแล้วอยู่ระหว่างรอการยืนยันข้อมูลซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมที่ได้ยื่นหนังสือไปก่อนหน้านี้ใน 5 ข้อเรียกร้อง เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาและทวงความคืบหน้าเนื่องจากขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 4 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ กลุ่มมวลชนจึงตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลกำลังเตะถ่วงกระบวนการแก้ปัญหา ยื้อเวลาและบิดพลิ้วคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนอีกหรือไม่ กลุ่มมวลชนทั้งหมดยืนยันจะปักหลักชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ไปจนกว่าจะได้รับคำตอบจากรัฐบาลและจะจัดเวทีคู่ขนานกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีไปด้วยและหากภายในวันที่ 1 เมษายนนี้ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจะยกระดับการชุมนุมต่อไป
สำหรับเนื้อหาในหนังสือที่ยื่นในครั้งนี้ได้ระบุถึงการขอให้เกิดการประสานงานรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในที่ประชุมเจรจาและขอยืนยันตามข้อเรียกร้องสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) และ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ซึ่งมีข้อเรียกร้องทั้งหมดไว้ 5 ข้อเดิม ดังนี้
1) เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยเร่งด่วน โดยคณะกรรมการนั้นต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน และในระหว่างการแก้ไขกฎหมาย ขอให้ยุติการนำพระราชกฤษฎีฎาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชกฤษฎีฎาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่า ตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และยุติการเตรียมประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่ม จำนวน 23 แห่ง จนกว่าจะมีการปรับแก้ไขกฏหมายจนแล้วเสร็จ (ตามบันทึกการหารือการแก้ไขปัญหาของประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากกฏหมายป่าอนุรักษ์) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ณ ศาลากลางเชียงใหม่ (ครม.สัญจร)
2) เร่งดำเนินการแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 มาตรการสำหรับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในการกำหนดเงื่อนไขมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำและแนวทางการอนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีเงื่อนไขระยะเวลาที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัดสิทธิชุมชน ให้นำไปสู่แนวทางการรับรองสิทธิชุมชนในพื้นที่ป่า ตามแนวทางพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ตามมาตรา 10 (4) กำหนดมาตรการหรือแนวทางการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ซึ่งรวมถึงรูปแบบการจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ หรือรูปแบบในลักษณะอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ คทช. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การใช้ที่ดินเกิดประโยชน์สูงสุด
3) ขอให้เร่งรัดนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานโฉนดชุมชน เร่งดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนชน ตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553 โดยเร่งด่วน เพื่อเดินหน้าการแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินและส่งเสริมสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรโดยชุมชนอย่างยั่งยืนร่วมกัน
4) เร่งติดตาม ผลักดัน ให้มีมาตรการและกลไกในการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2567 เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร รวมถึงคนไทยติดแผ่นดินที่ยังไม่ได้รับสัญชาติ โดยมีข้อสั่งการขอให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอวาระข้อเรียกร้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ที่ดิน ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิบังคับใช้กฎหมาย และ
5) ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) ในฐานะผู้แทนรัฐบาล นำผลการเจรจาระหว่างรัฐบาล กับ สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า (สชป.) และ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) (ตามข้อเรียกร้องข้อ 1-4) กราบเรียนนายกรัฐมนตรี และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ภายในวันอังคารถัดไปหลังการเจรจาได้ข้อยุติ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนตามผลการเจรจาต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น